หลักใหญ่ใจความประเด็นสำคัญของประเทศไทยในห้วงยามนี้ ยังอยู่ความเคลื่อนไหวในประเด็นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ยังต้องรอการชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีตัวละครมากหน้าหลายตาในฉากเร้าระทึกใจ แต่ที่ถูกจับตาอย่างยิ่ง คือ 2พี่น้องอย่าง น้องตู่ พล.อ.ประยุทธ์ และพี่ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อมด้วย ทักษิณ ชินวัตร หรือเฮียโทนี่คลับเฮ้าส์รายสัปดาห์
ซึ่ง ทั้ง 3 บิ๊กเนม เหล่านี้ล้วนมีความหลังครั้งก่อนและความสัมพันธ์ที่เกี่ยวไขว้ไปมาสลับซับซ้อน โดยมีจุดร่วมเดียวกันจากต้นกำเนิดความเป็นผู้นำจากโรงเรียนเตรียมทหาร
โดยประวิตร สังกัดรุ่น 6 ทักษิณ รุ่น 10 และประยุทธ รุ่น 12 แต่ทักษิณฉีกไปสายตำรวจและจบชีวิตราชการที่ยศ พันตำรวจโท แล้วไปเติบโตในถนนธุรกิจ จนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้าน แต่ต้องมรสุม ลมเปลี่ยนทิศ โดนคดีความจนไม่สามารถอยู่เมืองไทยได้ตราบถึงวันนี้
ส่วนประวิตร กับ ประยุทธ เดินตามรอยไต่เต้าจนถึงจุดสูงสุดของขุนทหารที่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ก่อนที่จะเข้าสู่แวดวงการเมือง เสพติดอำนาจจนรากงอกอยู่ยาวมา 8ปี ซึ่งแน่นอนว่าในปีต้นๆของการร่วมนาวาเรือเหล็ก 2พี่น้องบูรพาพยัคฆ์
พร้อมพี่รองอีกคนคือบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือในนามแก็ง 3ปอ.รักใคร่ชื่นมื่นอย่างมากให้รากฐานรัฐบาลลายพรางแข็งแกร่ง จนต่อมาเริ่มมีตัวสอดแทรกอย่างผู้กองนัส ธรรมนัส พรหมเผ่า ทำให้พี่ป้อมน้องตู่เริ่มตะงิดในใจ
และยิ่งในช่วงหลังๆ เริ่มเห็นรอยปริแยกมากยิ่งขึ้นจากหลากหลายประเด็น พี่ป้อมเริ่มไม่รักน้องตู่เหมือนเก่าแล้ว ด้านน้องตู่ก็ไม่ไว้วางในพี่ป้อมเต็ม 100 เหมือนเดิม แต่ในหน้าฉาก ทั้ง 2คนก็ต้องเล่นตามบทรักกัน กอดคอ ควงแขนหล่นวาจา รักกันจนตาย
แต่ก็ยังเกิดปรากฎการณ์ การแตกออกไปตั้งพรรค หรือสภาล่ม ทำให้สูตร หาร 100 กลับมาผงาด หรือข่าวปล่อยดีลมหากาฬ ระหว่าง ประวิตร กับทักษิณ เพื่อหวังโค่น ประยุทธ์
ล่าสุด ทักษิณ ต้องออกโรงมาระบุว่า “ยืนยันได้เลยว่า ไม่มีดีลลับ ผมกับป้อมไม่ได้คุยกันเลย ไม่รู้ป้อมจำชื่อผมได้ไหม ไม่เหมือนวันวานยังหวานอยู่” และเมื่อก่อนหน้านี้ก็มีข่าวปล่อยในประเด็น ดีลลอนดอน ที่ระบุว่าประวิตรดอดไปคุยทักษิณ ที่ลอนดอน
จนเจ้าตัวทั้ง 2คนต้องออกมาปฎิเสธกันวุ่นวาย ซึ่งหลายฝ่ายมักโยงไปถึงความสัมพันธ์ครั้งเก่า ที่ ทักษิณ เป็นคนตั้งประวิตรขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก
ซึ่งที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของ ทักษิณ-ประวิตรไม่ได้อยู่ในระนาบที่ดีมากนัก เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายกับลูกน้อง เพราะขณะนั้นทักษิณเป็นนายกฯและ ประวิตร เป็นผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งครั้งหนึ่งประวิตร เคยพาดพิงถึงทักษิณ ว่า
“แล้วบ้านเมืองมันยุ่งอยู่นี่เพราะใคร” ทำให้ ทักษิณ ปรี๊ดแตก ก่อนสวนกลับว่า “ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ. เลย” จนห้วงนั้นคำว่าเกาะโต๊ะ กลายเป็นวลีดังไปเลย
ต่อมา ทักษิณได้ตอบคำถามกรณีทีคนถามเหตุผลในการตั้งประวิตร เป็น ผบ.ทบ.สมัยโน้น คิดอย่างไร ทักษิณตอบว่า”..ดูโหงวเฮ้งไม่เป็น หากฝึกดูโหงวเฮ้งหน่อย วันนั้นก็คงไม่ตั้ง” และบอกเล่าว่า
“เขากองเชียร์เยอะมาก มี วัฒนา เมืองสุข เป็น ส.ส.ปราจีนบุรี ก็มาเชียร์ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ก็มาเชียร์ ผมไม่ค่อยรู้จักเขา ก็รู้ว่าเป็นพี่ชายของรุ่นพี่ผม คือ พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รู้จักกันดี ก็เลยตั้ง”
สำหรับ ความสัมพันธ์ระหว่าง ทักษิณ กับประยุทธ์ นั้น ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยความขุ่นมัว คับแค้น และความต้องการเอาชนะคะคานกันอย่างมากมาย เพราะ ประยุทธคือคนที่หักหาญ โค่นอำนาจ น้องสาวของทักษิณ และที่ผ่านมา
ทักษิณ ที่เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมักจะด้อยค่า ประยุทธ์ ในเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ไล่เรื่อยไปจนทุกปัญหา ทีมักมีคนไปเปรียบเทียบระหว่าง 2นายกฯกันเสมอๆ
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ภาพสัมพันธ์ภาพของ ทักษิณ-ประวิตร-ประยุทธ์ อาจจะยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อได้ว่าถ้าการเมืองคือเรื่องการตกลงประโยชน์แล้ว ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าทั้ง 3คนอาจจะกลับมารักกัน จูบปากกันหวานชื่น ก็เป็นไปได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
