สรุปดราม่า จุฬา-ราชภัฏ ปมโดนหมิ่นสลับที่เรียน สู่คำถามเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน?
กำลังเป็นดราม่าคุกรุ่นในโลกออนไลน์ขณะนี้ กับศึก 2 สถาบัน จุฬา-ราชภัฏ ที่โดนเอามาเปรียบเทียบอีกครั้ง หลังมีข้อความอยากให้เด็กราชภัฏสลับที่เรียนกับเด็กจุฬา พร้อมประโยค เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน
เรื่องราวจะเกิดขึ้นยังไง? จบยังไง? เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน นี่จริงไหม? วันนี้สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น มาเล่าให้ฟังแล้ว
จุดเริ่มต้น #เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน

- จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากสเตตัสเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์แสดงความคิดเห็นประเด็น เด็กราชภัฏกับเด็กจุฬาฯ เขียนว่า เนี่ย
“ไม่อยากให้สังคมมองว่าคนที่จบราชภัฏนั้นไม่ฉลาดหรือไม่มีคุณภาพ เสนอให้พิสูจน์คุณภาพของเด็กราชภัฏด้วยการเปิดโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยน สลับเด็กจุฬาฯ และราชภัฏไปเรียนต่างมหาวิทยาลัยคนละ 1 เทอม โดยใช้คุณภาพการสอบตามสถาบันการเรียนนั้นๆ”
- พร้อมกับติดแฮชแท็ก #เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ซึ่งอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จุดประสงค์ของการเขียนนี่เป็นมุกขำๆ หรือ ซีเรียสจริงๆเหมือนกัน
- เพราะปกติประเด็นสองสถาบันดังกล่าวถูกเอามาพูดบ่อยครั้ง ในฐานะที่จุฬาเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ติดชาร์ททั่วโลก แต่ราชภัฏเป็นมอทั่วไป
- มีการเปรียบเทียบเรื่องการเรียน การทำงานหลังเรียนจบบ่อยครั้งบนโลกอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าเป็นคำถาม หรือคำบ่นจากตัวศิษย์เก่า 2 สถาบันเอง รวมไปถึง คนทำงานระดับหัวหน้าในที่ทำงาน
- แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ดราม่าที่แท้จริงเริ่มจาก หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง แคปข้อความต้นทางไปเผยแพร่ต่อบนโลกทวีต พร้อมพาดหัวแสดงความคิดว่า
“เรื่องแลกเปลี่ยนจะไม่ต้องเกิดขึ้นเลยหากคนคอมเมนต์สอบติดจุฬาฯ ตั้งแต่แรก”
- จากนั้นไม่นาน ศึกราชภัฏ-จุฬา ก็กลายเป็นกระแสพูดถึงอย่างถล่มทลาย มีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นยาวเหยียดตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา

- ซึ่งความเห็นในช่วงแรก ส่วนใหญ่ก็ไปในเชิง make fun กับมอราชภัฏว่า มหาลัยมันคนละชั้นคนละระดับกัน ถ้าอยากเรียนที่นี่ก็สอบติดให้ได้ก่อน
- รวมถึงมีความเห็นบางสวนที่เขียนว่า ปกติจุฬาก็ไม่ค่อยได้ยุ่งกับราชภัฏนะ เหยียดน้อยมาก แต่เป็นเด็กราชภัฏเองนี่แหละที่ชอบพูดว่าราชภัฏมีคุณภาพเท่ากับจุฬา เหมือนประมาณว่าจุฬาไม่ได้สนใจราชภัฏแต่แรกแล้ว เด็กราชภัฏนี่แขวะตัวเองหรือเปล่า?
เรียนที่ไหนก็ไม่เหมือนกันเพราะความเหลื่อมล้ำ?
- หลังจากประเด็นถูกพูดถึงเป็นวงกว้างมากขึ้น เดียร์ รวิสรา เอกสกุล เด็กจากคณะอักษร จุฬาฯ คนที่เคยอ่านแถลงการณ์หน้าสถานฑูตเยอรมัน ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นดึงสติชาวจุฬาเหมือนกันว่า

“เมื่อเย็นเห็นสเตตัสของเด็กราชภัฏที่บอกว่าอยากให้มีโครงการแลกเปลี่ยนมาเรียนที่จุฬาที่มีคนบางกลุ่มแคปมาขำคิกคักกันแล้วรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ใจร้ายมาก ไม่แปลกใจที่เด็กราชภัฏจะไม่พอใจในสถานะของมหาวิทยาลัยตัวเอง เพราะสังคมยังคงตีตราว่าเด็กราชภัฏ = ไม่เก่ง สอบมหาวิทยาลัยรัฐดังๆไม่ติด
พวกเขาไปที่ไหน แค่เห็นชื่อมหาลัยก็โดนเหยียด โดนปฏิเสธ โดนปัดตกไปหมดแล้ว ดังนั้นมันไม่แปลกเลยซักนิดถ้าเค้าจะรู้สึกโดนด้อยค่าตลอดเวลา ส่วนตัวเราเชื่อว่า 85% ของคนที่ติดจุฬาคือคนที่มีโอกาสในชีวิตดีกว่าคนอื่น
ในขณะที่เด็กต่างจังหวัดบางคนยังไม่มีโอกาสได้รู้เลยด้วยซ้ำว่าเตรียมอุดม/จุฬาคืออะไร หรือต่อให้รู้จัก มันก็เป็นความฝันที่ไกลจนหลายคนไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะเอื้อมถึง
เชื่อเสมอว่าถ้าทุกคนได้รับการศึกษาที่ดีและเท่าเทียมกัน ทุกคนก็มีสิทธิที่จะได้แสดงศักยภาพในด้านที่ตนเองถนัด ค่านิยมการเข้าเตรียมอุดม/จุฬามันก็คือความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทยดีๆนี่เอง
การที่เด็กมหาลัย ชื่อดังออกมาขำคิกคักเด็กราชภัฏที่แค่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้ตรงตามภาพจำที่สังคมยัดเยียดให้มันก็ไม่ต่างอะไรจากการลืมรากเหง้า privilege ในชีวิตของตัวเองเลยซักนิด
สงสัยคนที่ออกมาเรียกร้องอยากให้คนเท่าเทียมกัน แต่พอถึงเรื่องนี้กลับขำชอบใจที่ตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่น แบบนี้เมื่อไหร่คนจะเท่ากันจริงๆเสียที”
- ทั้งนี้ ภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีการแชร์ไปเกือบ 2 หมื่นครั้ง พร้อมกับประเด็นถกเถียงเดิมแต่เพิ่มเติมคือหัวข้อใหม่ ที่มีการพูดถึงความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาในประเทศไทย
- โดยให้ความเห็นว่า เด็กบางส่วนที่ต้องมาเรียนราชภัฏอาจเกิดจากความเหลื่อมล้ำ ทั้งฐานะครอบครัว การศึกษาที่ไม่ดีเท่าโรงเรียนชั้นนำ ต้องหมดเวลาไปกับการทำงานพิเศษจนไม่มีโอกาสเรียนพิเศษ
- รวมถึงหลายคนยังต้องทำงานส่งตัวเองเรียนมหาลัยไปด้วย เรียนไปด้วย ยังไม่นับค่านิยมของหลายๆ บริษัทที่เลือกรับคนจากสถาบัน
- ขณะที่อีกส่วนก็ออกมาสวนกระแสว่า เรื่องสถาบันมันไม่ควรเหยียด แต่คนที่มีทุนมีโอกาสดันตัวเองจนสอบติดจุฬาก็ไม่ผิดเช่นเดียวกัน
- จะพูดถึงแค่ความเหลื่อมล้ำอย่างเดียวก็ไม่ถูก เพราะก็ต้องยอมรับด้วยว่ายังมีเด็กอีกกลุ่มเลือกเรียนราชภัฏ เพราะไม่ตั้งใจเรียน ดูง่ายๆจากคุณภาพงานธีสิสก็ได้
สรุปแล้วสถาบันยังจำเป็นอยู่หรือเปล่า?

- นอกจากนี้ยังมีอีกความเห็นที่น่าสนใจจาก แขก คำผกา พิธีกรสายการเมืองปากแซ่บ ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ด้วย โดยเขียนไว้ว่า
“ดราม่าราชภัฏ vs จุฬาฯ อยากจะบอกว่า ไม่ต้องอยากมาเรียนจุฬาฯหรอกค่ะ สมัยนี้คลิปเลคเชอร์อาจารย์ที่เก่งๆ ทุกๆวิชา หาฟังได้จากยูทูป และอยากจะเสริมว่าไม่มียุคไหนที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทยทุกมหาวิทยาลัยจะเสื่อมถอยไม่สอดคล้องต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกเท่ากับยุคนี้อีกแล้ว
ถ้าอยากได้คุณภาพการศึกษาจริงๆ หาทุนไปเรียนต่างประเทศเถอะ ทุนสมัยนี้หาไม่ยากเท่าสมัยก่อน ไปสั้นๆ ก็ได้ไปเปิดหูเปิดตา ออกไปสู่โลกกว้างดีกว่าค่ะ
และในฐานะที่ทำงานในสำนักข่าวบอกเลยว่าสมัยนี้ไม่ได้วัดกันที่จบจากสถาบันไหน ไม่มีวุฒิปริญญาตรีก็รับขอให้ทำงานได้ทำงานเป็น”
- พร้อมกับฝากให้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษ พูดไม่เป๊ะไม่เป็นไรแต่อ่านกับฟังเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการอ่านและฟังคือประตูบานแรกนำไปสู่ความรู้นอกกะลาอย่างไม่ทีที่สิ้นสุด
แต่ยังไงก็ตาม บทสรุปของวาทกรรมที่ว่า เรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ดูท่าจะใช้ไม่ได้ในสมัยนี้ซะแล้ว เพราะหากจับต้นชนปลายในภาพใหญ่การศึกษาไทยก็เรียกได้ว่ามีช่องว่างชัดเจนจริงๆตามที่บอก ยังไม่นับเรื่องคอนเนคชั่นอื่นๆอีก แต่ถ้ามองจากมุมการทำงาน สิ่งที่ต้องการก็ขอแค่คนทำงานเก่งและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้แค่นั้นก็พอ
ส่วนใครที่อยากติดตามดราม่าร้อน ประเด็นดังแบบไม่ตกเทรนด์อีกล่ะก็ ติดตามต่อได้ที่ iNN News
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





