fbpx
Home
|
บันเทิงไทย

“อี๊ฟ พุทธธิดา” ควง ”แม่เปี๊ยก อรัญญา” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสีย “ต้อย เศรษฐา” 

Featured Image
“อี๊ฟ พุทธธิดา” ควง ”แม่เปี๊ยก อรัญญา” เปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสีย “ต้อย เศรษฐา” 

อี๊ฟพุทธธิดาลูกสาวของอาต้อยเศรษฐาที่วันนี้ควงคุณแม่อาเปี๊ยกอรัญญามาเปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียอาต้อยไปอย่างไม่มีวันกลับกับการเปิดเผยช่วงเวลาสุดทรมานในการดูแลอาต้อยพร้อมเผยอาการป่วยของอาเปี๊ยกที่ถึงขั้นเดินไม่ได้ผ่านทางรายการคุยแซ่บshow ทางช่องวัน31 ที่มีพีเคปิยะวัฒน์ธัญญ่าธัญญาเรศและอาจารย์เป็นหนึ่งเป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ตอนนี้แม่เป็นยังไงบ้าง?

แม่เปี๊ยก : ตอนนี้ในสภาวะของตัวเองก็ไม่ค่อยดีมันมีโรคมาแทรกคือโรคปวดหัวเข่าเนื่องจากน้ำในเข่ามันหมด

อันนั้นคือโรคภายนอกแต่ความรู้สึกในใจตอนนี้เริ่มโอเคหรือยัง?

แม่เปี๊ยก : เริ่มโอเคแล้วค่ะเพราะว่าเรามีแรงบันดาลใจจากผู้ที่รักคุณต้อยมากแล้วก็ผู้ที่ช่วยเหลือทั้งหลายทำให้เราดีขึ้นเยอะ

คุณแม่มีความรู้สึกแว๊บคิดถึงคุณพ่อบ้างไหม?

แม่เปี๊ยก : ไม่ต้องแว๊บมันคิดถึงอยู่ทุกวันแต่เราต้องรับความเป็นจริงเราเข้าใจนะเพราะมาป่านี้แล้วเราเข้าใจว่าเกิดแก่เจ็บตายมันเป็นยังไง

น้องอี๊ฟวันนี้เริ่มโอเคหรือยัง?

อี๊ฟ : มันก็โอเคแต่ว่ามันไม่เหมือนเดิมชีวิตเราเปลี่ยนไปถึงเราจะอยู่ในบ้านหลังเดิมทำอะไรเหมือนเดิมมันก็ไม่เหมือนเดิม

อี๊ฟให้กำลังใจคุณแม่ยังไง?

อี๊ฟ : แค่ดูแลกันเฉยๆเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลาอยู่แล้วของคุณแม่เขามีภาวะเรื่องอื่นเราก็ไปดูแลในเริ่องมุขภาพมากกว่า

แม่เปี๊ยก : เราก็ให้กำลังใจเขาโดยที่ทำตัวเราให้แข็งแรงไม่ให้เขาเป็นกังวลเยอะเขาก็หนักอยู่แล้ว

อาเปี๊ยกเปิดคอนเสิร์ตอาต้อยดูตลอดเลย?

แม่เปี๊ยก : ใช่ๆจากที่ไม่เคยได้ดูมาก่อนเราไม่ค่อยมีเวลามานั่งดูกันจริงๆจังๆเพราะว่าแต่ละคอนเสิร์ตมันยาวมาก3-4 ชั่วโมงแต่พอคุณพ่อเสียก็ดูตั้งแต่สวดเสร็จกลับมาบ้านก็นั่งดูไปทานข้าวไปทานข้าวกับคุณพ่อด้วยเพราะว่าอยู่บ้านเรายังจัดสำหรับเหมือนเขาอยู่

เห็นว่าทำทุกอย่างเหมือนตอนที่อาต้อยยังอยู่?

แม่เปี๊ยก : อะไรที่ทำได้เราจะทำเหมือนเดิม

อี๊ฟ : มีเพิ่มเติมตอนนี้อี๊ฟต้นและมีบุญย้ายมานอนเป็นเพื่อนแม่ในห้องเดียวกัน

ที่บอกว่าทำเหมือนเดิมคือเราจัดอาหารไว้ให้พ่อด้วย?

อี๊ฟ : ใช่ค่ะเหมือนเราตั้งโต๊ะก็จะมีสำหรับที่นั่งพ่อที่เขานั่งประจำก็จะมีจานช้อนซ้อมตักอาหารให้จุดธูปบอกกินข้าวด้วยกันทุกมื้อแม้จะไปกินข้างนอกเราก็จะบอกว่าพ่อขึ้นรถนะเดี๋ยวไปกินข้าวที่ร้านนี้กันแล้วเราก็ตั้งโต๊ะเราก็ทำแบบนี้

ในระหว่างที่เราทำเรายังมีความรู้สึกว่าคุณพ่ออยู่รอบข้างเราไหม?

อี๊ฟ : คือเราทำเพราะเรารู้สึกนั่นแหละก็ตามที่เขาบอกกันมาว่าใน 100 วันนี้พ่อก็ยังอยู่กับเราเราก็อยากทำทุกอย่างให้เหมือนเขาอยู่กับเราตลอด

แม่เปี๊ยก : ทำแล้วมันช่วยให้เรารู้สึกดี

คุณแม่มีสะมผัสได้ไหมว่าคุณพ่ออยู่ใกล้หรือว่ามีสิ่งที่เราจัดวางแล้วคุณพ่อรับรู้?

แม่เปี๊ยก : เราพยายามนึกให้เป็นอย่างนั้นเราคงสัมผัสเองไม่ได้เพราะเราไม่เคยทำสมาธิถึงขนาดนั้นแต่เราบอกกับตัวเองมากกว่าที่เราทำเพื่อให้เรารู้สึกดี

ตอนที่พ่อพบว่าเป็นมะเร็งปอดเมื่อ 3 ปีที่แล้วรักษายังไง?

อี๊ฟ : คุณพ่อรักษาทั้งแผนปัจจุบันและทางเลือกที่ผ่านมามันดีมาโดยตลอดอี๊ฟเข้าใจว่าตอนที่เริ่มต้นร่างกายมันยังดีอยู่มากจริงๆพ่อเป็นคนใส่ใจเรื่องสุขภาพเขาตรวจทุกปีอะไรนิดหน่อยเขาก็หาหมอ

ตอนที่เจอเกิดจากตรวจสุขภาพไหม?

อี๊ฟ : ไม่ค่ะคือพ่อไอเป็นเลือดเขารู้ว่ามันผิดปกติเขาก็ไปหาหมอตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นตรงนี้พอตรวจลึกๆสุดท้ายเป็นตรงนี้เขาก็ช็อกอยู่พอสมควร

ตอนแรกที่เจอระยะอะไร?

อี๊ฟ : 4 คะ

หลังจากนั้นก็เป็นโควิดอีก?

อี๊ฟ : ใช่ค่ะแต่ห่างกันประมาณ 2 ปีเพราะพ่อเพิ่งมาเป็นโควิดเมื่อปีที่แล้วเอง

ผลจากการเป็รโควิดมันส่งผลอะไรกับอาต้อยบ้าง?

อี๊ฟ : ถ้าดูตามโรคจริงๆไม่ส่งผลเลยเพราะว่าโควิดมันลงไปคนละที่กับตำแหน่งที่มีอยู่แล้วหลังจากที่พ่อหายจากโควิดสนิทไม่มีปัญหาตรงนั้นอีกแล้วตัวมะเร็งที่อยู่ในปอดก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นปัญหาก็คือเนื่องจากระยะ 4 มันคือระยะลุกลามพอร่างกายมันอ่อนแอมันก็ไปงอกที่อื่นคือจุดอื่นต่างหากที่มันโตขึ้นจุดที่ปอดมันไม่ขยายก็จริงแต่มันมีตำแหน่งตรงต่อมหมวกไตก็เลยต้องกลับมาให้ยาใหม่

เห็นว่ามีช่วงที่ดูแลคุณพ่อมีช่วง 10 วันที่ทรมานใจอี๊ฟมากเลย?

อี๊ฟ : ใช่ค่ะพอหลังจากที่คุณพ่อกลับทาให้คีโมรอบคุณพ่อมีผลจากยามากถ้าตามอินสตาแกรมเขาก็จะเห็นก็มีคนมาถามอี๊ฟทำไมลงรูปพ่อทรุดลงๆเราได้แต่บอกว่าเขาทรุดลงแล้วเขาจะดีขี้นในช่วงให้ยาครั้งแรกคุณพ่อก็ทรุดเหมือนกันแต่เขาก็ดีขึ้นเราอยากเก็บช่วงเวลาไว้แบบตอนนี้พ่อแย่กง่ว่านี่นะแต่พ่อค่อยๆดีขึ้นนะเราอยากให้เขาเห็นตรงนั้นแต่ในช่วงที่มันไม่ดีขึ้นดหมือนครั้งแรก

แม่เปี๊ยก : ยามันแรง

อี๊ฟ : ช่วงหลังโควิดมาแล้วคุณแม่จะมีปัญหา

ในเรื่องของการทานยาตัวยาสมุนไพรคุณพ่อค่อนข้างขี้เกียจทางเขารู้สึกว่ายามันเยอะมากแต่อี๊ฟก็เข้ท

จเขาว่ายามันเยอะบทงที่เขาก็ข้ามไปบ้างดื้อบ้างแบบไม่กินได้ไหมแล้วช่วงหลังมาเยี่ยเป็นคีโมรอบมันไม่ได้เริ่มจากต้นทุนเดิมที่มันต่ออยู่มาแล้วพ่อก็มีความขี้นทานทานไม่ได้แพ้คีโมมากอาเจียนด้วยก็เลยเกเรเรื่องสมุนไพรไม่ยอมทาน

อี๊ฟ : ช่วง 10 วันคือช่วงปีมหม่ที่อี๊ฟอยู่ยาวเป็นวันหยุดให้เลขาผู้ช่วยเขาพักช่วงนั้นโควิดมันก็หนักเราก็ต้องตรวจpcr ด้วยเพื่อจะเฝ้าช่วงนั้นอี๊ฟอยู่กับพ่อ 2 อาทิตย์ไม่มีใครเข้าออกได้จะอยู่กับพ่อ 2 คนช่วงนั้นพ่อมีสภาวะสะดุดเยอะหมอก็จ่ายยาให้ตัวนึงมีทั้งยาแก้ปวดระงับประสาทค่อนข้างมากเขาก็เลยเกิดผลข้างเคียงซื้งผลข้างเคียงไม่ได้เกิดกับทุกคนคือคุณพ่อทานไม่ได้ต้นทุนมันไม่ค่อนดีแล้วเอฟเฟ็คจากยามันค่อนข้างเยอะกลายเปฌนว่าพ่อไม่เป็นตัวของตัวเองจำไม่ได้ตอนแรกอี๊ฟคิดว่าพ่อเป็นอัลไซเมอร์มันแย่กว่าตอนที่รู้ว่าพ่อเป็นมะเร็งด้วยซ้ำเพราะเรารู้ว่าถ้าเป็นลักษณะอัลไซเมอร์มันยากที่จะเอาเขาคืนมาไหนจะเรื่องดูแลการทานยาอีกเช้าวันนั้นเขาแย่มากมันไม่เป็นตัวเขาแล้วไม่ว่าสภาวะทางร่างกายหรือท่งความจำเราต้องอุ้มคนเดียวต้องยกทำทุกอย่างเลยถามเขาว่าจำดร่ได้ไหมรู้ไหมนี่ใครเขาไม่ตอบด้วยซ้ำเขาแค่ส่ายหัวเขาเป็นแบบนี้ 2 วันเต็มๆหายวันที่คือตอนที่เจอสภาวะนั้นอี๊ฟแย่แล้วหมอมาพูดกับอี๊ฟว่าใจเย็นๆนะมันอาจจะเป็นเอฟเฟ็คจากยาใจเราตอนนั้นยัวไม่คิดเนอะยามันจะทำให้เป็นอย่างนั้นได้แต่พอหมอเขาลดยามันหาย

ตอนที่พ่อเป็นมากๆเราแอบคิดไหวว่านี่จะเป็นโมเมนต์ที่เราต้องเสียพ่อไป?

อี๊ฟ : ใช่ค่ะมันเหมือนในหนังเลยจำภาพนั้นได้เลยมันเป็นช่วงกลางวันที่ถามว่าเขาจำอี๊ฟได้ไหมแล้วเขาตอบไม่ได้อี๊ฟเห็นเงาตัวเองสะท้อนกำแพงขาวๆแดดมันส่องมาที่หน้าต่างพ่อนั่งอยู่บนเก้าอี้อี๊ฟนั่งอยู่ที่พื้นอี๊ฟกอดเขาแล้วเห็นเงาตัวเองแล้วร้องไห้อยู่แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเราเป็นใครทำอะไรแว๊บนั้นอี๊ฟรู้สึกว่าตัวเองแย่ที่สุดแล้วแต่พอถอนยาออกบางตัวแล้วเขาจำได้มันเหมือนโลกมันกลับมาใหม่ก็คิดว่าโอเคเป็นเพราะยาจริงด้วยคงไม่เป็นไรแล้วแหละพอพ่อพูดรู้เรื่องอี๊ฟมาเข้าใจว่าเขาเนี่ยมีความทุกข์เขาไม่ได้กินอะไรที่เขาอยากกินเขาต้องกินแต่ของที่เขาคิดว่ามีประโยชน์คิดว่าดีแต่เขาไม่อยากกินเขาไม่มีความสุขเลยเขาต้องกินยาเยอะต้องอยู่ในสภาวะที่เขาไม่มีความสุขแล้วเขาเลยสงสัยว่าเราเนี่ยอยากให้เขาหายจริงๆเหรอแต่เหมือนเขารู้สึกทรมานอี๊ฟเลยบอกว่าพ่ออยากกินพ่ออยากทำอะไรพ่อต้องบอกทุกคนอยากให้พ่อหายแต่พ่อต้องบอกตรงๆไม่ใช่ว่าฝืนทำแล้วไม่มีความสุขแล้วก็มารู้สึกว่าเป็นทุกข์เราก็เลยบอกโอเคถ้าเราเข้าใจกันได้เขาก็จะสู้อีกตั้งนะเขาจะหายเขาจะพยายามก็เลยเริ่มต้นกันใหม่ช่วงต้นปีพ่อพูดคุยได้ปกติแต่ว่าพ่ออ่อนแรงมากผอมทานไม่ได้แล้วไม่ค่อยยอมให้อาหารทางสายยางในแง่ของคนดูแลเราก็พยายามบาลานซ์ในความสุขของเขากับสิ่งที่เราจะต้องให้เจาก็ดีขึ้นมาตลอดช่วงที่ผ่านมาทั้งหมดเขากลับมาอยู่บ้านแล้ว

อะไรที่ทำให้ต้องกลับไปโรงพยาบาลอีก?

อี๊ฟ : จริงๆแล้วเป็นเรื่องของการเช็กอัพหมอจะนัดทุกๆ 2-3 อาทิตย์ให้กลับไปมอนิเตอร์ดูมีอย่างนึงที่ทำให้เห็นคือเขาจำไม่ค่อยได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่พอคนป่วยนานๆมันก็มีสภาวะนี้คือสับสนว่าตกลงเราอยู่บ้านหรืออยู่โรงพยาบาลอี๊ฟก็จะบอกว่าพ่ออยู่บ้านนะแต่พอเห็นเขาสับสนมากๆอี๊ฟก็เข็นเขาไปเดินหน้าบ้านให้เขารู้ว่าเนี่ยเขาอยู่บ้านบ้านที่เขาสร้างบ้านที่เขาหามาพ่อจำได้ไหมเขาก็ยิ้มนะเขานั่งมองดูบ้านแต่ว่ารอบที่ไปสุดท้ายเนี่ยเพราะว่าอาทิตย์นั้นพ่อไม่ทานถึงเวลานัดที่คุณหมอไปเช็กอัพปกติก็เลยคุยกันว่าหมอจะจองเตียงไว้ให้ถ้าเราอยากให้คุณพ่อแอทมิดแต่พ่อไม่มีภาวะอื่นนะครับก็เลยบอกว่างั้นให้พ่อนอนสัก 2 คืนดีไหมเพื่อให้อาหารทางสายยางเพื่อเติมน้ำเกลือหน่อยเขาจะได้ดูมีเรี่ยวมีแรงหน่อยเพราะเขาดูไม่มีแรงเลยก็เลยไปเติมสัก 2 วันแล้วจะได้พาพ่อกลับบ้าน

ตอนนั้นพ่อเขายอมไปด้วยดี?

อี๊ฟ : ไปค่ะ

แม่เปี๊ยก : คุณพ่อเขาเข้าใจเวลาเขาไม่สบายตัวเขาอยากไปนะโรงพยาบาลเขาจะสั่งเองด้วยซ้ำเราทำตามสิ่งที่เขาอยากทำทุกอย่างอยากกลับบ้านเราก็บอกคุณหมอกลับก็กลับ

แต่การไปเช็กอัพครั้งสุดท้ายคือเขาต้องจากไปน้องอี๊ฟกับอาเปี๊ยกก็ไม่ได้อยู่?

อี๊ฟ : ช่วงที่ผ่านมาในการดูแลพ่อมันหนักมากนะคะเพราะว่าการนอนเขาก็ไม่เหมือนคนทั่วไปกลางวันเขานอนได้มากกว่ากลางคืนซึ่งเราคนปกติทำงานด้วยแล้วเราเฝ้ากันเองก็จะไม่ได้นอนนอนน้อยคุณแม่เองเขาก็เริ่มแย่พอพ่อทานไม่ได้เขาก็ไม่อยากทานเราพยายามทำให้เขามีความสุขแต่ตัวเราเองมันมีเวลาพักผ่อนน้อยจริงๆอี๊ฟก็คุยกันบวกกับพี่ต้นต้องไปคุยเรื่องงานพอดีงั้นอย่างนี้ไหมพอพ่อเข้าโรงพยาบาลเที่ยวนี้อี๊ฟจะไม่ไปเฝ้าเพราะแค่ 2 วันก็เลยบอกกับเลขาว่าขอให้เลขาเข้าไปเฝ้าเดี๋ยวอี๊ฟจะพาแม่ไปพักผ่อนเดี๋ยวกลับมาจะไปรับแต่พอเข้าไปจริงๆมันก็มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น

ใน 2 วันนั้นอี๊ฟมีสัญญาณอะไรไหมแบบไม่สบายใจ?

อี๊ฟ : ทุกครั้งที่เราต้องไกลหูไกลตามันไม่สบายใจหรอกแต่เราก็ต้องคิดในทุกๆอย่างหมายถึงว่าเราก็ต้องคิดถึงแม่ด้วยเราต้องทำงานด้วยเราไม่ได้ทำได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งเราต้องทำทุกอย่างในเวลานั้นๆซึ่งเลขาไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเฝ้าอี๊ฟต้องบอกว่าปีแรกทั้งปีที่พ่อป่วยอี๊ฟแทบไม่ได้ดูแลพ่อเลยเพราะว่าเลี้ยงลูกลูกกินนมแม่ 1 ปีเต็มมันก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่พ่อเขาพยายามด้วยตัวเขาเองปีแรกที่เขาพยายามด้วยตัวเองได้เราพยายามด้วยตัวเองเยอะมากเพราะเขารู้ว่าอี๊ฟเหนื่อยมากในการเลี้ยงลูกเขาก็พยายามที่จะช่วยเราด้วยการที่ดูแลตัวเองแล้วตลอดช่วงนั้นก็มีแต่เลขาที่ช่วยเพราะอี๊ฟเป็นลูกคนเดียวเลขาก็เหมือนลูกสาวพ่ออีกคนก็อยู่กันมาแบบนี้เพราะฉะนั้นตอนที่เราคิดว่าขอวันเนี่ยไม่ใช่ว่าเราเอาพ่อไปไว้กับคนที่พ่อไม่คุ้นเคยหรือคนที่พ่อไม่แฮปปี้ด้วย

เราไป 2 วัน?

แม่เปี๊ยก : ไปวันเดียวค่ะแค่ว่าค้างแล้วเช้าอีกวันก็กลับ

อี๊ฟ : จริงๆเราไปวันเดียว

ตอนที่ลูกสาวบอกว่าแม่ไปเกาะเสม็ดกันเถอะตอนนั้นแม่ว่าไง?

แม่เปี๊ยก : ปกติไม่ค่อยอยากไปไหนหรอกยิ่งพ่อเป็นแบบนี้แต่เราอยู่บ้านเราก็ไม่ได้ทำอะไรลูกก็บอกว่าไปเถอะแม่ไปพักสมองบ้างเพราะว่าคุณพ่อก็ไปมาปกติเราไม่เคยคิดว่าจะเป็นวันสุดท้ายเราไม่เคยคิดตรงนี้จะว่าเราประมาทก็ไม่ใช่นะเพราะความรู้สึกเราแบบไปทานอาหารได้หมอจะได้ช่วยได้เพราะอยู่บ้านเราช่วยอะไรไม่ได้เลยพอตกถึงภาวะนี้เราก็ต้องไปหาหมอแม้กระทั่งคุณพ่อเองเขาก็รู้เขาบอกว่าเขาจะไปหาหมอ

อี๊ฟ : อะไรที่เราทำเองได้ที่บ้านเราก็ทำแต่ถ้าเขาอยากไปหาหมอเราก็พาเขาไปเราอยากให้เขาสบายใจมากที่สุดทีนี้ในช่วงวันนั้นส่วนนึงในใจเราเราก็อยากทำทุกอย่างให้ปกติเพราะเราเชื่อว่าเหตุการณ์มันจะเป็นปกติถ้าเราพารานอยด์ไปทุกอย่างชีวิตมันเดินต่อยาก

แต่สุดท้ายเราก็ได้รับโทรศัพท์ครั้งแรกตอนตี2?

อี๊ฟ : ใช่ค่ะกลับมานั่งคิดดูก็ถ้าเรารู้เร็วกว่านี้หน่อยยังไงก็กลับทัน

แม่เปี๊ยก : คือทั้งวันไม่มีอะไรบอก

อี๊ฟ : พอเราถึงเสม็ดแม่ก็โทรคุยกับทางเลขาเป็นยังไงทุกอย่างโอเคไหมพ่อก็ตรวจ PCR เพื่อจะแอทมิดค้องรอผลอยู่ที่ห้องฉุกเฉินก็ยังดูปกติดีไม่มีอะไร

ตีเกิดอะไรขึ้น?

อี๊ฟ : เลขาเขาโทรมาอธิบายว่าพ่อความดันตกตั้งแต่ช่วงเย็นคือพ่อมีเสมหะเยอะหมอก็ดูดออกมาพอดูดเสร็จแล้วมันน่าจะมีอาการเจ็บความดันก็ตกหมอให้ยากระตุ้นความดันก็ดูเหมือนจะกีขึ้นมาแป๊บนึงคอนหัวค่ำ 2-3 ทุ่มดูไม่มีอะไรแล้วก็คิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแต่พอสักเที่ยงคืนมันตกลงไปอีกแล้วพอต้องให้อันต่อมาเขาก็โทรมาปรึกษาหมออธิบายว่าถ้าให้คราวนี้มันจะต้องประคองด้วยยาไปเลยนะแต่มันจะมีเอฟเฟ็คต์บางอย่างเราจะโอเคไหมอี๊ฟก็เลยบอกว่าถ้าไม่ให้มันก็จะไม่กลับขึ้นมาใช่ไหมอี๊ฟก็เลยบอกว่าให้ไปก่อนเลยได้ไหมใจก็คิดว่าเดี๋ยวอี๊ฟจะมาตัดสินใจหน้างานอีกทีคือหมายถึงว่าให้ไปก่อนเพื่อให้พ่อโอเคก่อนเดี๋ยวอี๊ฟจะรีบกลับไปดูว่าจะต้องยังไงต่อเขาก็เลยบอกว่าโอเคเดี๋ยวให้เข็มนี้แล้วต้องดูว่าพ่อจะดีขึ้นไหมหมอก็กระตุ้นด้วยเข็มนั้นอี๊ฟก็โทรคุยกับทางเรือว่าเดี๋ยวตีอี๊ฟจะขอรีบกลับซึ่งมันยังดูไม่มีอะไรมันเป็นเรื่องของการให้ยากระตุ้นพอตีเขาโทรมาร้องไห้แล้วเขาบอกว่ามันไม่ขึ้นหมอพยายามมอนิเตอร์ดูไม่ขึ้นจริงๆก่อนหน้านี้มันจะมีครั้งหนึ่งที่เราเข้าโรงพยาบาลกันรอบนั้นเพื่อไปแอทมิดคือรอบก่อนรอบนี้พ่อมีอาการออกซิเจนต่ำทั้งวันต่ำยิ่งกว่าตอนเจอโควิดอีกตอนที่เขาโทรมาแจ้งเรื่องความดันอี๊ฟก็คิดว่ามันน่าจะเป็นประมาณนั้นเราไม่ได้คิดว่าเพราะความดันตกมันจะทำให้ดับไปเลย

ตอนตีใครโทรมาแล้วเขาพูดยังไง?

อี๊ฟ : เลขาและผู้ดูแลเขาอยู่ด้วยกันเขาร้องไห้แล้วพูดว่าไม่น่าได้แล้วนะน่าจะไม่เกินชั่วโมงนี้เขาบอกว่าเขาอยากให้อี๊ฟวีดิโอคุยกับพ่อพอวีดิโอคอลแล้วเห็นพ่อพ่อใช้เครื่องออกซิเจนแต่ไม่ใช่เครื่องใหญ่ๆนะคะอี๊ฟพยายามมีสติที่สุดแล้วไปปลุกแม่บอกว่าแม่ต้องคุยกับพ่อตอนนี้แล้วแหละเพราะความดันเขาตกนะเราต้องคุยกันตอนนี้แม่ก็มานั่งด้วยอยู่ดีๆต้นก็ตื่นมาเองมานั่งในห้องน้ำด้วยกัน 3 คนอี๊ฟบอกว่าพ่อได้ยินหนูไหมพยายามพูดกับเขาอี๊ฟอยู่ตรงนี้แม่ต้นก็อยู่ตรงนี้ช่วงนั้นเราพยายามไม่ร้องไห้แล้วมีความคิดอยู่หน่อยนึงว่าเราจะบอกเขาให้รอก่อนแต่เราไม่ได้บอกอี๊ฟเชื่อว่าถ้าบอกเขาก็รอแต่ใจเรารู้สึกว่าเราไม่อยากเห็นแก่ตัวขนาดนั้นเพราะดูเขาไม่โอเคแล้ว

ตอนนั้นที่พูดไปท่านรับรู้ไหม?

อี๊ฟ : คิดว่ารู้แต่ว่าเขาตอบไม่ได้แล้วเราก็บอกเขาว่าเรารักพ่อนะอี๊ฟบอกว่าพ่อไม่ต้องกังวลอะไรแล้วอี๊ฟำยายามพูดกับเขาว่าถ้าเขาเหนื่อยพ่อไม่ต้องคิดอะไรเลยนะทำใจให้ว่างๆอี๊ฟก็บอกให้เลขาเปิดบทสวดชินบัญชรคู่ไปด้วยแล้วอี๊ฟก็บอกว่าฟังเสียงพระไว้นะคะไม่ต้องคิดอะไรมากถ้าพ่อเหนื่อยพ่อก็แค่หลับนอนพักไม่ต้องคิดอะไรไม่ต้องกังวลอะไรแล้วอี๊ฟกับแม่รักพ่อเราทุกคนรักพ่อไม่มีอะไรที่พ่อต้องเป็นห่วงหรือกังวลอีกแล้วแล้วเลขาเขาก็พูดขึ้นมาว่าอาไม่ต้องห่วงมีบุญนะยังไงอี๊ฟก็ต้องเลี้ยงดีที่สุดอยู่แล้วไม่ต้องกังวลนะเราพูดอยู่อย่างนี้สักพักแล้วเราก็ค่อยๆแผ่วลงแล้วเหมือนในหนังเลยเครื่องก็ดังตี้ด

แม่เห็นทุกอย่างเลย?

แม่เปี๊ยก : อยู่ตั้งแต่เขานั่งคุยกันดีแล้วที่เราวีดิโอคอลคุยกับเขาความรู้สึกเราเขารับรู้

เห็นช็อตสุดท้ายความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?

แม่เปี๊ยก : พูดลำบากนะเพราะว่าหมอเคยคุยกับลูกมาแล้วลูกมาบอกเราก็มีความรู้สึกว่ามันจะถึงวันนั่นเลยเหรอแล้วถ้าถึงวันนั้นแล้วเราจะยังไงแต่พอถึงเวลาโอเคเขาก็ต้องเลือกแล้วคุณพ่อเขาสู้มาตลอดทุกอย่างมันต้องไปตามขั้นตอน

สิ่งที่ติดค้างอยู่แล้วอาต้อยเสียไปก่อนคือเรื่องอะไร?

อี๊ฟ : คุณพ่อดขาชอบทำบุญเขามีโปรเจ็กต์ทำบุญเยอะจริงๆมีค้างอีกหลายอย่างเลยแต่เรื่องนึงที่เราคุยกันไว้ก่อนท่านเสียคือเรื่องของการทำเหรียญคุณพ่อเป็นคนชอบสะสมพระแล้วเราก็คุยกันว่าเราอยากทำพระหรือเหรียญสักรุ่นนึงที่พ่อเป็นประธานสร้างเองจริงๆเป็นชื่อรุ่นที่เป็นชื่อของพ่อเราก็คุยกันว่าเราจะทำเหรียญด้านนึงเป็นท้าวเวสสุวรรณอีกด้านเป็นท้าวหิรัญพนาสูรเพื่อขอเรื่องสุขภาพโดยตรงทีนี้แบบเหรียญเพิ่งเสร็จหลังจากที่คุณพ่อเสียไปแล้ว

ติดตามรายการคุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์ศุกร์ 13.05-14.05 ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์อี๊ฟพุทธธิดาแม่เปี๊ยกอรัญญา

https://youtu.be/wctfRz1KmiI

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube