บันเทิงไทย

สุดกลั้น! “แต้ว ณฐพร” เปิดใจป่วยแพนิค ชีวิตพลิกทำอะไรก็โดนวิจารณ์

11 มกราคม 2022 - 10:23

เป็นนางเอกร่างเล็กแต่หัวใจแกร่ง สำหรับสาว “แต้ว ณฐพร” ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจพูดคุยเรื่องที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนกับ “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ใน WOODYFM ซึ่งแต้วเปิดเผยว่าชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากคนที่ไม่มีข่าว อยู่ดีๆกลายเป็นทำอะไรก็โดนวิจารณ์ พร้อมเผยป่วยเป็นโรคแพนิค เพราะอยากทำทุกอย่างให้เพอร์เฟกต์

“ก่อนหน้านี้แต้วได้ฉายาเป็นคนไม่มีข่าวด้วย แล้วอยู่ดีๆ อะไรไม่รู้ พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำอะไรก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปหมด ทุกอย่างที่เราใส่ไปในโซเชียล การที่เรากดโพสต์ของเราเอง เราต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันอาจมีคำพูดที่บางคนรู้สึกว่าเจ็บจังเลย แต่แต้วเข้าใจว่าเขาไม่ได้รู้จักแต้วทุกมิติ ไม่ผิดที่เขาจะมองเห็นบางมุมและตัดสินเราไปบ้าง เลยรู้สึกว่าโอเคไม่เป็นไร คนรอบข้าง แม่ พี่ ทุกคนโอเค ก็โอเค ทุกครั้งที่เต้น ที่ใส่ชุดว่ายน้ำ แต้วมองว่าโซเชียลมีเดียของแต้วคือไดอารี่แต้ว แต้วจะได้กลับมาดูว่าวันนี้แต้วไปนี่ไปนั่น แต้วแฮปปี้ ไม่แฮปปี้ แค่นั้น”

“ เดทแรกก็แฮปปี้ค่ะ กินข้าว อาหารอร่อย (หัวเราะ) ก็ดีค่ะ ทุกอย่างดี แต้วจะเป็นคนค่อนข้างแมนมากกับครอบครัว กับญาติพี่น้อง เรารู้สึกว่าเราจัดการได้ทุกอย่าง โยนมาเลย ไม่ค่อยอ่อนแอ แต่กับเขาทำให้เรารู้สึกตัวเล็กๆ บอบบาง มันคงเป็นความจริงจังบางอย่าง มีความรู้สึกว่าโอเค ยอมก็ได้ (หัวเราะ) เราแฮปปี้ ทุกคนคงดูออก เด็กอมมือก็คงดูออก (หัวเราะ) มันแฮปปี้จนเรารู้สึกว่าอยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้ เพราะที่ผ่านมาสอนให้เรารู้ว่าไม่มีอะไรยั่งยืน แม้แต่เรื่องคุณพ่อ เราอยากเก็บมันไว้ เราไม่รู้จะเก็บด้วยวิธีไหน ภาพก็เล่าไม่ได้ เราเลยเขียนไดอารี่ ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เจอ เขียนว่าเรารู้สึกยังไง แต่มันคิดอย่างนั้นจริงๆ ณ ตอนนั้น ต่อไปอาจไม่มีแล้วหรือไม่ใช่ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ตอนนั้นมันจริงในความรู้สึกเรา เลยอยากเก็บเอาไว้ ก็เลยเขียน”

มีเรื่องอะไรที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับแต้วไหม?

“แต้วเป็นแพนิค ที่แต้ววิเคราะห์ตัวเองที่แต้วจะแพนิคก็ต่อเมื่อไม่โอเคกับสภาพร่างกาย หนาวเกินไป เจ็บปวด ปวดท้อง เราคอนโทรลมันไม่ได้ เราจะแพนิค ฟิลลิ่งแต้วคืออยู่ไม่ติดที่ รู้สึกว่าเราไม่สมควรอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัย แต่ไปไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน เคว้งคว้าง หายใจไม่เข้า ตะเกียกตะกายอยู่ข้างใน ข้างนอกปกติ แต่ข้างในมันแย่ เป็นมา 4-5 ปีแล้วมั้งคะ ครั้งแรกที่เกิดขึ้นตอนนั้นอยู่ที่โรงพยาบาล เหมือนช่วงนั้นคงเครียด เราพยายามเพอร์เฟกต์ อยู่ดีๆ ก็ปวดท้องไม่มีสาเหตุลำไส้แปรปรวน แล้วมันก็ตีกัน มันค่อนข้างงงๆ ตอนแรกที่เป็นกลัวไปหมด กลัวมันมาอีก จะข้ามไปได้ก็ต่อเมื่อมียา ต้องมียาไปทุกที่ แต่เราคิดว่าเราจะอยู่โดยไม่พึ่งเขาให้ได้ ก็ค่อยๆ ฝึกลมหายใจ ลดยาลง แต้วว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง ผิดได้ ไม่เป็นไร ล่าสุดที่เป็นคือแต้วเป็นที่เกาหลี แล้วก็บอกคุณพ่อ พ่อบินมากอดเรา ฮีลทุกอย่าง เป็นกอดที่เราจำสุดๆเลย เหมือนมันจะดูดทุกอย่างที่เรารู้สึกไปหาเขา มันเปลี่ยนทุกอย่างได้ ก็คิดถึงพ่อ”

“ช่วงนั้นโควิด เราได้ใช้ช่วงเวลาอยู่ด้วยกัน เราชงกาแฟให้พ่อ ให้แม่ตลอด จนพ่อเกิดอุบัติเหตุ แต้วถ่ายโฆษณาอยู่ แม่ก็ไปด้วยตามปกติ สักพักแม่เฟดออกไป เราก็คิดว่าไปทำธุระ สุดท้ายนน้องเฟรมผู้จัดการเดินมาบอกว่าเป็นแบบนี้นะ สั่นเลย ตัวชา ต้องยกกองไปรพ. ไม่รู้ว่าแย่ขนาดไหน เห็นว่าพ่อทรมานมาก เพราะรถชนและมันแตก ลามไปข้างใน เราไม่ร้องไห้เลยตั้งแต่วันนั้น ต้องมีสติมากๆ พาพ่อไปหาหมอที่รักษาได้ ต้องจัดการโน่นนี่นั่น แล้วเราก็อยู่ตรงนั้นเกือบ 20 วัน อยู่โรงแรมใกล้ๆ มาเเล็คเชอร์กันวันต่อวัน ตัดสินใจวินาทีต่อวินาที อยู่ดีๆก็แย่ เดี๋ยวดีขึ้นแล้ว มีความหวัง หมดความหวัง พ่อเป็นคนที่ฮีลแต้วทุกอย่างไม่ว่าจะเจ็บป่วยทางใจทางกาย แต้วจะไม่ยอมให้พ่อเจ็บ ถ้าเขาจะไปแต้วจะไม่ทำให้ทรมาน แต้วโอเค แม่ก็ช็อกกับสิ่งที่แต้วพูดออกไป ทำไมคิดอย่างนั้น แต่กับคนๆ นึงที่ต้องต่อสู้กับความทรมานขนานั้น เราไม่อยากให้พ่ออยู่อย่างนั้นสักวินาทีเดียว สุดท้ายก็คุยกันยอมรับกันว่าถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็เกิด จนถึงวันสุดท้ายก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง ที่เราเก็บบรรยากาศทุกอย่าง แม่ก็คุยกับพ่อ ไม่รู้ว่ารับรู้หรือเปล่า ทุกวินาทีก็จำทุกอย่าง”

“ตอนนี้ทุกเช้าจะยังชงกาแฟให้พ่ออยู่ (น้ำตาไหล) ก็คุยกันในใจ กับคุณแม่ก็คุยตลอด แม่เข้มแข็งมาก เป็นกำลังใจให้กัน ใครไม่ไหวก็กอดกัน แม่เป็นทุกอย่างเลยดีกว่าตอนนี้ เพราะเหลือแต่แม่ แม่ก็บอกว่าเหลือกันสองคนแล้วนะ นึกถึงวันนี้ถึงต่อไป ก็เหลือกันแค่นี้ ก็อยู่กับความกลัวเหมือนกัน (ร้องไห้) ”