น้องสาวของผู้ตายเผยไม่มีลางบอกเหตุ บอกสั้น ๆ แค่ว่าจะไปหาเพื่อนในตัวเมืองรุ่งเช้ามาพบอีกทีเสียชีวิตในรถเก๋งส่วนตัว
ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ แซงเพชร ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตในรถเก๋งที่ค่ายลูกเสือ จ.ศรีสะเกษ นิคมห้วยคล้า ต.หมากเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ จอดอยู่ข้างถนนในสวนต้นลำดวนซึ่งเป็นทางเข้าค่ายลูกเสือ พบญาติพี่น้องของเสียชีวิตหลายคนในที่เกิดเหตุ จึงได้ประสานงานแจ้งให้แพทย์เวร รพ.ศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ศรีสะเกษ มาทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเนื่องจากว่าผู้เสียชีวิตมาจากต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่จึงได้สวมชุด PPE เข้าไปตรวจสอบ
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ภายในรถเก๋งด้านคนขับพบร่างของชายคนหนึ่ง สภาพศพสวมเสื้อยืดสีดำแขนสั้น สวมกางเกงยีนส์ มีผ้าขะม้าวางอยู่บนหน้าอก บริเวณที่วางเท้าด้านข้างคนขับพบกระถางต้นไม้มีเถ้าถ่านอยู่ในกระถางต้นไม้ บนเบาะรถด้านหน้าพบรูปภาพของชาย – หญิงสูงอายุ ซึ่งญาติแจ้งว่า เป็นภาพของพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิตและโทรศัพท์มือถือวางอยู่ ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ภายในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด คาดว่าเสียชีวิตมานานประมาณ 6 ชม.แล้ว
นางรัตนา อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ผู้เสียชีวิตชื่อ นายจิรศักดิ์ อายุ 66 ปี อดีตศึกษานิเทศก์ เกษียณอายุราชการแล้ว มีบ้านอยู่ที่ จ.นครนายก ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงวันที่ 3 พ.ย. 64
นายจิรศักดิ์ ได้กลับมาเยี่ยมน้องชายซึ่งสร้างบ้านใหม่ จากนั้น ในช่วงใกล้ค่ำวันเดียวกันได้บอกกับญาติพี่น้องว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนในตัวเมืองศรีสะเกษ ต่อมาตนและญาติพี่น้องเห็นว่า นายจิรศักดิ์ ไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน จึงได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อแต่ว่าไม่มีผู้รับสาย พอรุ่งเช้าของวันนี้ (4 พ.ย.64) ตนและญาติพี่น้องจึงได้พากันออกตามหาและน้องชายของนายจิรศักดิ์ ได้มาพบรถของนายจิรศักดิ์ จอดอยู่ในค่ายลูกเสือเมื่อเปิดประตูรถเก๋งออกมาพบว่า นายจิรศักดิ์ ได้รมควันตัวเองภายในรถเสียชีวิตแล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
