อีฟ พุทธธิดา งานเข้า! ถูกเจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แจ้งความดำเนินคดี
อีฟ พุทธธิดา งานเข้า! ถูกเจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แจ้งความดำเนินคดี ทำผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ลั่นอาจะเป็นเรื่องเข้าใจ จ่อแจ้งความกลับ
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 นายสร้างบุญ แสงมณี กรรมการบริษัท เมดิกรีน จำกัด พร้อมนายดนุพล เอี่ยมสกุลเวช ทนายความเข้าพบ พ.ต.ท.ดุษฎี ขวัญศรี สว.(สอบสวน) สน.พระโขนง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.พุทธธิดา ศิระฉายา (อีฟ) ลูกสาวของนักแสดงอาวุโส ต้อย เศรษฐา และ บริษัท เศรษฐพัฒน์88 จำกัด ในข้อหาเผยแพร่และส่งต่อเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา น.ส.พุทธธิดา ได้รักษาตัวจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยมี การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของทางบริษัท ชุดแอนตาเวียร์ แต่ภายหลังที่จากรักษาตัวหายดีแล้ว มีผู้ใช้อินสตาแกรมได้สอบถามไปยังบัญชีอินสตาแกรมของ น.ส.พุทธธิดา แต่ได้รับการตอบกลับว่าผลิตภัณฑ์ที่รับประทานเป็นคนละตัวกัน

โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นยาตัวใหม่ ราคาถูกกว่า ชื่อยาโปรโตเรีย ภายหลังทางบริษัท เมดิกรีน จำกัด ทราบเรื่อง เกรงว่าจะมีประชาชนและผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไปใช้เกิดความเข้าใจผิดและสับสน ในตัวผลิตภัณฑ์ เพราะข้อมูลที่เสนอแก่บุคคลทั่วไปไม่ตรงกับความเป็นจริงและทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัท เมดิกรีน จำกัด เป็นอย่างมาก จึงได้มาลงบันทึกประจำวันและดำเนินคดีดังกล่าว

เบื้องต้นทางบริษัทได้ดำเนินคดีในข้อหาเผยแพร่และส่งต่อเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ มาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาขายของโดยหลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพและคุณภาพ มาตรา 271 และมาตรา 272 ข้อหาเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อให้เสียความเชื่อถือในสินค้า โดยมุ่งประโยชน์การค้าตน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องไว้และจะมีการตรวจสอบก่อนดำเนินการต่อไป

โดยทางบริษัท เมดิกรีน จำกัด ออกมาชี้แจงให้รับทราบข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในตัวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแอนตาเวียร์ ที่กำลังจะได้รับความร่วมมือกับภาครัฐฯ หรือเกิดการเปรียบเทียบทางการค้าระหว่างกันอย่างไม่เป็นธรรม

ล่าสุด “อีฟ พุทธธิดา” ได้เปิดใจกับ ไนน์เอ็นเตอร์เทน ว่า “ได้รับทราบเรื่องที่ บริษัทดังกล่าวแจ้งความแล้ว แต่ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ขอปรึกษาทางทนายพร้อมทั้งกำลังตรวจสอบหลักฐานต่างๆ อยู่ ในฝ่ายของตนเองมองว่าเรื่องนี้ ถ้าตนเองผิดจริง ทำไมฝ่ายดังกล่าวไม่ติดต่อมาหาตนเองโดยตรง น่าจะมีการแจ้งให้ทราบก่อน ยืนยันไม่รู้จักและเป็นเพื่อนกับเจ้าของบรษัทตามที่ข่าวออกมาก่อนหน้านี้ หากตรวจสอบหลักฐานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาจจะปรึกษาทีมกฏหมายให้ดำเนินการกลับ เพราะตนเสียชื่อเสียง พร้อมเมื่อไรจะออกมาแถลงข่าวพร้อมกันทีเดียว”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news





