fbpx
Home
|
ทั่วไป

นายกฯสั่งแก้ปัญหาระบบรับ-ส่งผู้ป่วยโควิด19

Featured Image
นายกฯ สั่งแก้ปัญหาระบบรับ-ส่ง ผู้ป่วย โควิด19 โดยเร็ว เร่งบูรณาการฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบ ขณะรับทราบวัคซีน 2.16 ล้านโดส ส่งไปยัง 77 จังหวัดแล้ว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบถึงปัญหาการรับส่งผู้ติดเชื้อ โควิด19 เพื่อทำการรักษาในสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และรวมถึงเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่เป็นโรงแรม หรือ Hospitel ทั้งจากการรายงานของกระทรวงสาธารณสุข การได้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรง รวมถึงจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

โดยเฉพาะกรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เร่งประสานบูรณาการส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์โดยเร็ว ในกรณีที่อยู่ในระหว่างรอรับตัว ต้องแจ้งแนวทางปฏิบัติของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้ทราบอย่างชัดเจน

 

น.ส.ไตรศุลี ระบุว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานบูรณาการข้อมูลกันอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาลที่ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งของภาครัฐและเอกชน ไปจนถึงสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนาม รวมถึง Hospitel พร้อมกำชับให้แก้ไขปัญหาสายด่วนในการจัดหาเตียง จึงได้แก้ไขปัญหาเป็นการด่วนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับกระบวนการขนส่งผู้ป่วยโดยกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการมาเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม อำนวยความสะดวกในส่วนนี้ ด้วยการนำยานพานะในกองทัพช่วยในการขนส่งผู้ป่วยด้วย ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ น.ส.ไตรศุลี ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่า ประชาชนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยรัฐบาลระดมทุกสรรพกําลังในการแก้ไขสถานการณ์การระบาดในครั้งนี้

 

นายกรัฐมนตรี รับทราบวัคซีน 2.16 ล้านโดส ส่งไปยัง 77 จังหวัดแล้วตามแผนการฉีดและการกระจายวัคซีน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบการรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งยืนยันการจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 “Sinovac” จำนวน 2,070,279โดส และ “AstraZeneca” จำนวน 89,040 โดส รวมการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ทั้งหมด 2,159,319 โดส

โดยมีการจัดส่งและกระจายวัคซีนทั้งหมดที่ได้นำเข้ามา ส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว เพื่อเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายโดยเร่งด่วน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการรายงานตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้สื่อมวลชน และประชาชนทราบทุกวัน พร้อมทั้งจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก ประมาณ 35 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้มีวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อคนไทยอย่างน้อย 100 ล้านโดส ภายในปลายปี 2564 นี้

นายอนุชา เผยอีกว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเรื่องประสิทธิภาพ ในการฉีดวัคซีนในแต่ละวัน ให้กับประชาชนในจุดต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งทราบว่า หากไทยได้รับวัคซีนมากขึ้น หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะประสานกับภาคเอกชนที่จะเข้ามาร่วมมือฉีดวัคซีนให้ประชาชน ก็จะสามารถดำเนินการฉีดได้มากขึ้นตามลำดับ จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2564 นี้ จะมีวัคซีนเข้ามากว่า 100 ล้านโดส สำหรับฉีดให้กับประชาชนกว่า 50 ล้านคนอย่างแน่นอน

โดยนายอนุชา ได้ชี้แจงไทม์ไลน์การนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ซึ่งทยอยเข้ามาตั้งแต่เดือนก.พ. แล้วจาก Sinovac จำนวน 2 แสนโดส และ AstraZeneca จำนวน 117,000 โดส เดือน มี.ค. นำเข้าวัคซีนจาก Sinovac จำนวน 8 แสนโดส และเดือน เม.ย.นำเข้าวัคซีน จาก Sinovac จำนวน 1 ล้านโดส

และในเสาร์ที่ 24 เม.ย. 64 นี้จะมีวัคซีนเข้ามาจาก Sinovac จำนวน 5 แสนโดส และมีแผนนำเข้า Sinovac เพิ่มเติมในเดือน พ.ค. อีก 1 ล้านโดส ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับรัฐบาลจีน ขณะที่ วัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทย จะเริ่มทยอยส่งได้ตั้งแต่เดือน มิ.ย. เบื้องต้น 6 ล้านโดส และจะเพิ่มจำนวนตั้งแต่เดือน ก.ค. ไปถึงสิ้นปี64 จนครบ 61 ล้านโดส

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทผลิตวัคซีนยี่ห้อต่างๆ เสนอขายวัคซีนกับประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการพิจารณาหารือราคาและเงื่อนไข นอกจากนี้รัฐบาลเดินหน้าเตรียมพร้อมทั้งการจัดหาวัคซีนทางเลือกภาคเอกชนเพิ่มเติมอีกประมาณ 35 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้มีไวรัสป้องกันโควิด-19 เพื่อคนไทย 100 ล้านโดส ภายในปลายปี 2564 นี้

ทั้งนี้ นายอนุชา ยืนยันว่า วัคซีนโควิด-19 ที่นำเข้ามาแล้ว ได้ถูกกระจายส่งต่อไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆทั่วประเทศอย่างทันท่วงที ด้วยความเร่งด่วน เพื่อฉีดให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด และรัฐบาลขอขอบคุณ และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล และอาสาสมัครทุกๆท่าน ที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักมาตลอด เพื่อรักษาและดูแลผู้ติดเชื้อ รวมถึงบุคลากรที่บริหารจัดการฉีดวัคซีนเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย

 

“อนุทิน” เจรจาผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ จัดซื้อวัคซีนให้ปชช. ขอรีบจัดทำกำหนดการส่งมอบโดยด่วน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ระบุว่า วันนี้ พบผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ เจรจาจัดซื้อวัคซีน ให้ประชาชน

ผู้แทนบริษัทฯ แจ้งว่าพร้อมจัดหาวัคซีนให้ประเทศไทย จำนวน 10 ล้านโดส แต่ยังไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่ชัดได้

จึงขอให้บริษัทฯ รีบจัดทำกำหนดการส่งมอบโดยด่วน พร้อมทั้งราคา และเงื่อนไขต่างๆ โดยละเอียด เพื่อประกอบการพิจารณาจัดซื้อของกระทรวงสาธารณสุข

ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า พร้อมจะปรับแก้กฎระเบียบต่างๆ ให้จัดซื้อได้เร็วขึ้น แม้จะยังไม่มาขึ้นทะเบียน ก็สามารถซื้อได้ด้วยการใช้กฎหมายจัดซื้อวัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การเจรจาครั้งแรกกับผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ เป็นไปด้วยดี และคาดว่าบริษัทจะจัดหาวัคซีน ให้ประเทศไทยได้โดยเร็ว

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube