fbpx
Home
|
ทั่วไป

สธ.ย้ำทุกจังหวัดเข้มโควิดแม้ไร้ผู้ติดเชื้อ

Featured Image
กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์โควิด-19 แนวโน้มดีขึ้น วันนี้พบการติดเชื้อใน 5 จังหวัด ย้ำทุกจังหวัดคงมาตรการป้องกันโรคเข้มข้น แม้ไม่พบผู้ติดเชื้อหลายวัน

นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทยว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น จากเดิมที่มีการติดเชื้อใน 63 จังหวัด สัปดาห์นี้ลดลงเหลือ 13 จังหวัด วันนี้มีการติดเชื้อเพียง 5 จังหวัด อย่างไรก็ตาม ทุกจังหวัดยังต้องเฝ้าระวังโรคโควิด-19 แม้จะไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 7 วันแล้วก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าระวังผู้ที่มีอาการเข้าข่ายสอบสวนโรคและมีประวัติเสี่ยง สำหรับการเดินทางข้ามจังหวัดสามารถเดินทางได้ ผู้ที่จะเดินทางต้องศึกษามาตรการของจังหวัดปลายทาง เนื่องจากสถานการณ์การระบาดมีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เช่น จ.มหาสารคาม เคยเป็นจังหวัดสีเขียว แต่จากงานเลี้ยงโต๊ะแชร์ ทำให้มีการขีดวงบางอำเภอให้ใช้มาตรการควบคุมสูงสุดและจำกัดกิจกรรมบางส่วน

นายแพทย์เฉวตสรรกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีการฉีดแล้วมากกว่า 100 ล้านโดส ซึ่งจะช่วยให้มีข้อมูลทั้งด้านความปลอดภัย และประสิทธิผลของวัคซีนมากขึ้นอย่างไรก็ตามไม่มีวัคซีนชนิดใดที่ฉีดแล้วสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ผลของการฉีดคือ สามารถลดความรุนแรงของโรค หากติดเชื้อจะไม่มีอาการหรือมีอาการป่วยไม่รุนแรง และลดการเสียชีวิต ซึ่งเมื่อลดความรุนแรงของโรคได้ โอกาสแพร่กระจายเชื้อก็จะลดลงและแม้จะฉีดวัคซีนแล้วยังคงมาตรการสวมหน้ากาก ล้างมือและเว้นระยะห่าง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตนเองได้อย่างดี ขณะนี้การใช้วัคซีนเป็นการใช้ในภาวะฉุกเฉินจึงต้องมีการติดตามข้อมูลความปลอดภัย โดยวัคซีนของบริษัทแอสตราเซนเนกาที่มีการฉีดเป็นล้านโดสในอังกฤษนั้น จากการติดตามเบื้องต้นพบว่ามีความปลอดภัย

ส่วนกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนของประเทศไทย มีผู้เชี่ยวชาญพิจารณาโดยรอบคอบ หวังผลให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในช่วงที่วัคซีนมีจำกัดจะพิจารณาฉีดในพื้นที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยงก่อน จะเกิดประสิทธิผลในการควบคุมโรคมากกว่าฉีดกระจายทั่วทุกที่ในคราวเดียว

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube