fbpx
Home
|
ทั่วไป

‘ชนิญญา-วิโรจน์’ เผยมุมมองประเด็น ‘ปลดล็อกกัญชา’

Featured Image
‘ชนิญญา-วิโรจน์’ เผยมุมมองประเด็น ‘ปลดล็อกกัญชา’ ผ่านกฎหมายระหว่างประเทศ ย้ำชัด ไม่เจตนาขัดขวางปลดล็อก แต่อยากให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง

 

ภายหลังคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดมีมติ ปลดล็อก “กัญชา” พ้นรายชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จากการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด พิจารณาวาระสำคัญ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ. …. ในประเด็นการถอดกัญชา กัญชง ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (ยส.5) โดยมติในที่ประชุมเห็นชอบตรงกันใน (ร่าง) ฉบับดังกล่าว

 

ดร.ชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการยาเสพติด อัยการอาวุโส สำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด และ ดร.วิโรจน์ สุ่มใหญ่ อดีตประธานคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ สหประชาชาติ สำนักงานกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เปิดเผยสำนักข่าว.ไอ.เอ็น.เอ็น ถึงประเด็น “การปลดล็อกกัญชา” ในประเทศไทยขณะนี้ ว่า ยังไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งหมด

 

โดย อาจารย์วิโรจน์ ย้ำชัดว่าให้ย้อนดูในส่วนของกฎหมายระหว่างประเทศ ตามข้ออนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ฉบับ ศ.ศ.1961 โดยมีประเทศร่วมลงนามกว่า 194 ประเทศ ในมาตรา 23, 26 และ 28 ในมาตรการการควบคุมกัญชา ให้มีการรองรับตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยที่ประชุมเมื่อปี 2016 ของสหประชาชาติ ก็เห็นว่าอนุสัญญาฉบับนี้ไม่ได้โบราณคร่ำครึอ เพราะฉะนั้นทุกประเทศต้องยึดมั่นในอนุสัญญาฯ ดังกล่าว

 

แล้วสิ่งที่รัฐไทยทำอยู่ตอนนี้ยึดหลักกฎหมายหรืออนุสัญญาใดนั้น อาจารย์ชนิญญา บอกว่า ก่อนที่จะใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด แม้จะไม่ได้ทำตาม 100% แต่ก็พอจะเห็นแนวทางว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการ ทั้งการควบคุมการปลูก การดูเรื่องการลักลอบไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ผิด การทำลายทิ้ง และการสกัด ฯลฯ

 

แต่ร่างประกาศล่าสุดบอกไว้ว่า “กัญชาจะไม่ใช่ยาเสพติด” โดยจะให้เหลือแค่สารสกัด โดยช่อดอกก็จะไม่เหลือ จึงเกิดคำถามว่าการที่จะควบคุมดูแลจะเป็นอย่างไร เนื่องจากว่าสารสกัดนั้นก็ต้องมาจากช่อดอกต้นกัญชาเป็นส่วนใหญ่ และหากคณะกรรม ป.ป.ส.เห็นชอบ แนวทางจะเป็นอย่างไร อาจารย์ชนิญญา บอกว่า หากเห็นชอบ หมายความว่า กัญชาทั้งต้นเว้นสารสกัดและน้ำมันกัญชาที่ยังเป็นสารเสพติดประเภท 5 ซึ่งชัดเจนตามความเห็นของอาจา

 

ซึ่งชัดเจนตามความเห็นของอาจารย์วิโรจน์ ว่า หากยืนตาม เท่ากับขัดกับอนุสัญญาฯ โดยต้องไปดูในส่วนของมาตรา 14 ตามอนุสัญญาฯ หากรัฐใดที่ไม่ปฏิบัติตาม หรือมีลักษณะในการฝ่าฝืน ต้องมีการใช้อำนาจในการลงโทษตามอนุสัญญาฯ ซึ่งอาจารย์วิโรจน์ บอกว่า หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องมีการเรียกมาชี้แจงต่อคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษระหว่างประเทศ ที่เวียนนาพร้อมหลักฐานทั้งหมด แล้วต้องมีการแก้ไขตามคำสั่งของคณะกรรมการฯ

 

ส่วนการจะเสรี เสรีมากน้อยแค่ไหนนั้น อาจารย์วิโรจน์ให้ความเห็นว่า เสรีตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ มีศักดิ์สูงกว่าในประเทศ เพราะฉะนั้นจะอ้างว่าปลูกเสรีตามกฎหมายรัฐของตนไม่ได้ เพราะเป็นภาคีตามอนุสัญญาฯ กัญชาที่ปลูกตามอนุสัญญาฯ อนุญาตให้ปลูกเพื่อผลิตเป็นยารักษาโรคมาตั้งแต่ต้น แต่หากปลูกเพื่อเอาเส้นใยต้องมีการควบคุมอยู่แล้วตามมาตรา 28 เพราะฉะนั้นกัญชาที่ถูกกฎหมายและค้าขายระหว่างประเทศได้จริง คือกัญชาที่อยู่ในการปลูกที่สหประชาชาติอนุมัติเท่านั้น

 

ด้านอาจารย์ชนิญญา ยังกล่าวอีกด้วย ว่าหากกัญชาที่ขออนุญาตถูกกฎหมายตามอนุสัญญา คงไม่มีปัญหาในการนำเข้าหรือส่งออกระหว่างประเทศ

 

ทั้งนี้ อาจารย์ชนิญญาและอาจารย์วิโรจน์ ได้ย้ำชัดว่าไม่ได้มีเจตนาห้าม หรือขัดขวางแต่อย่างใด แต่เพียงอยากให้ดำเนินตามขั้นตอนข้อกฎหมายของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยอนุสัญญาของสหประชาชาติที่ลงนามไว้ และแก้ไขให้ถูกต้องก่อนเห็นชอบออกประกาศ

 

โดยในวันพรุ่งนี้ 25 ม.ค. ในส่วนของคณะกรรม ป.ป.ส. จะมีการประชุมเพื่อชี้ขาดว่าเห็นชอบหรือไม่อย่างไร และหากเห็นชอบ ขั้นตอนต่อไปคือยกร่างเสนอกลับมายังกระทรวงสาธารณสุขโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.สธ. ลงนามตามอำนาจก่อนประกาศใช้ประกาศฉบับดังกล่าวต่อไป ซึ่งนายอนุทิน ได้ออกมาประกาศชัดแล้วว่าหาก คณะกรรมการ ป.ป.ส.เห็นชอบ ตนพร้อมลงนามในทันที

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebookhttps://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitterhttps://twitter.com/innnews

Youtubehttps://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTokhttps://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account@innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube