ศบค.พบป่วยโควิดใหม่ 6,978 ราย ตายอีก 62 เหลือรักษาอยู่ 96,463 ราย ภาพรวมผู้ป่วยทั่วประเทศลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังหลายจังหวัด ขณะฉีดวัคซีนสะสม 81.7 ล้านโดส
แพทย์หญิงสุมณี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงฯกรมควบคุมโรคศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค.รายงานตัวเลขสถานการณ์ประจำวันพุธที่ 10 พฤศจิกายน 2564
ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 6,978 ราย สะสมทั้งหมด 1,989,473 ราย รักษาอยู่ 96,463 ราย ในโรงพยาบาล 41,559 ราย และโรงพยาบาลสนาม 54,904 รายอาการหนัก 1,877 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 423 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 1,873,184 ราย เสียชีวิตใหม่ 62 ราย รวมเสียชีวิต 19,826 คน โดยผู้เสียชีวิตรายใหม่เป็นผู้ป่วยชาย 29 ราย
ผู้ป่วยหญิง 33 ราย เป็นชาวไทย 58 รายและเมียนมา 4 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 5 ราย, ปริมณฑล 3 ราย, ภาคเหนือ 6 ราย, ภาคใต้ 23 ราย, ภาคอีสาน 9 ราย และภาคตะวันออก 16 ราย
แพทย์หญิงสุมณี ยังระบุว่า ภาพรวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศลดลงอย่างชัดเจน ทิศทางผู้ติดเชื้อในภาคกลางส่วนใหญ่ลดลง มีการเฝ้าระวังผู้ป่วยหลักหน่วยและหลัก 10 ใน 2 จังหวัด คือ สิงห์บุรีและชัยนาทภาคตะวันออกส่วนใหญ่ลดลง แต่จังหวัดปราจีนบุรีและสระแก้วยังทรงๆอยู่ ภาคตะวันตก ต้องเฝ้าระวังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผู้ป่วยยังไม่ลด ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยจังหวัดที่ทรงๆอยู่มีที่สุราษฎร์ธานี,พัทลุง ด้านจังหวัดนครศรีธรรมราช ยอดผู้ติดเชื้อลดลงจากจุดสูงสุด แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังกันต่อไป ด้าน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเฝ้าระวังจังหวัดสงขลา, ปัตตานี ส่วนภาคใต้ฝั่งอันดามันมีแนวโน้มลดลงชัดเจนที่ระนองและภูเก็ต ส่วนตรัง, สตูล, พังงา, กระบี่ มีแนวโน้มทรงๆ ด้านภาคเหนือตอนบน พบผุ้ผิดเชื้อยังไม่ลดลงชัดเจนที่เชียงใหม่, ลำพูน, แม่ฮ่องสอน และเชียงรายภาคเหนือตอนล่าง ยังต้องเฝ้าระวังที่จังหวัด พิษณุโลก ภาคอีสานทั้งตอนบนและตอนล่างส่วนใหญ่มีทิศทางผู้ป่วยที่ลดลง ด้านผลการตรวจด้วย ATK วันนี้พบผลบวก 4.61%
สำหรับการฉีดวัคซีนในประเทศไทยรวม 81,761,062 โดส สะสมแบ่งเป็นฉีดวัคซีนเข็มแรก 44,355,673 ราย เพิ่มขึ้น 239,164 ราย เข็มที่สองจำนวน 34,760,830 ราย เพิ่มขึ้น 520,475 ราย
และเข็มที่สามสะสมจำนวน 2,644,559 ราย เพิ่มขึ้น 32,616 ราย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
