fbpx
Home
|
ทั่วไป

สธ.ขอฉีดวัคซีนลดป่วยห่วงโคม่ายังพุ่ง

Featured Image
สธ. ขออย่าตกใจตัวเลขตายพุ่ง 312 ราย ชี้เป็นข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ก่อน ส.ค. กว่า 100 คน ขอฉีดวัคซีนห่วงโคม่ายังพุ่ง เข้มโรงงานสกัดแนะสุ่มตรวจ ATK

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ประจำนที่ 18 ส.ค. 64 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 312 ราย เป็นชาย 174 ราย หญิง 138 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป สูงถึง 62 % สำหรับ ตัวเลขผู้เสียชีวิตเป็นข้อมูลย้อนหลังเนื่องจากต้องมีกระบวนการพิสูจน์ว่าเกิดจากการติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ก่อนจะสรุปผล โดยในจำนวน 312 รานวันนี้พบว่า เสียชีวิตย้อนหลังประมาณ 100 ราย เป็นการเสียชีวิตก่อนเดือน สิงหาคม 50 ราย และตั้งแต่ต้นเดือน สิงหาคม ประมาณ 50 ราย ขณะผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นบุคคลการด่านหน้า ตำแหน่งเวรเปล รพ.แม่สอด มีโรคประจำตัวและยังไม่ได้รับวัคซีน

นพ.เศวต กล่าวชี้แจงกรณีผู้เสียชีวิตมีประวัติได้รับวัคซีนมากน้อยเท่าไรนั้น ยืนยันว่าวัคซีนทุกชนิดหลังฉีดมีโอกาสติดเชื้อได้หมด เพราะไม่ได้ป้องกันได้ 100 % แต่ในจำนวน 312 ราย พบว่าเป็นผู้ที่ยังไม่รับวัคซีน 147 ราย และฉีด 1 เข็มมี 33 ราย ส่วน 132 ราย อยู่ระหว่างตรวจสอบ ดังนั้นผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนหรือฉีดยังไม่ครบ 2 เข็ม ดังนั้นจึงอยากให้เห็นความสำคัญโดยเฉพาะคนสูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ควรต้องลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนอย่าลังเล พร้อมขอให้ประชาชนตระหนักและป้องกันตัวเองตลอดเวลา แม้จะมีหรือไม่มีความเสี่ยง

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับสถานประกอบการหรือโรงงานจำเป็นต้องดำเนินการสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบชุดตรวจ ATK เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด หากตรวจเจอบางส่วน 10 % แนะนำทำ Bubble and Seal พยายามแยกส่วนและให้คนงานอยู่ที่พักและที่ทำงาน เหมือนเป็น รพ.สนามฯ เฝ้าระวังต่อเนื่อง สำหรับการสุ่มตรวจโดยชุด ATK ถ้าโรงงานมีคนงานน้อยกว่า 100 คน ให้สุ่มตรวจ 50 คน,มาก 75 สุ่มตรวจ 50 คน ,โรงงานขนาด 150 คน สุ่มประมาณ 75 คน ถ้าหลักพัน ขึ้นไปสุ่มตรวจ 150 คน ทั้งนี้ การสุ่มตรวจเป็นการลดค่าใช้จ่ายแต่การควบคุมยังได้ผลดี

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube