fbpx
Home
|
ทั่วไป

ศบค.ห่วงป่วยตายคาบ้านลุยCCRทีมตรวจATK

Featured Image
ศบค.ขอผู้ติดเชื้อจากพื้นที่สีแดงเข้มงดเดินทางข้ามจังหวัด ชี้เตียงของต่างจังหวัดเริ่มตึงพอสมควร ขณะ กทม.จ่อเปิดจุดตรวจโควิดอีก 69 จุด

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19หรือ ศบค. ระบุว่า มีหลายจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม เช่นมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ ขอนแก่น และนครราชสีมา เป็นต้น ทั้งนี้ขอย้ำว่าหากท่านเป็นผู้ติดเชื้อขอให้เข้าสู่ระบบการรักษาโดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนา เนื่องจากเตียงของต่างจังหวัด ตึงตัวพอสมควร ทั้งนี้หากต้องการกลับภูมิลำเนาเพื่อต้องการรักษาจำเป็นจะต้องมีการติดต่อโรงพยาบาลปลายทางก่อนเสมอ

ในส่วนของกรุงเทพมหานคร พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ 80% อยู่ในเกณฑ์สีเขียวอ่อนและสีเขียวคือไม่มีอาการ และมีอาการน้อย นอกจากนี้ยังพบว่า การติดเชื้อเป็นไวรัสสายพันธุ์เดลต้า 53.9% หลักๆอยู่ที่เขตจตุจักร บางรัก จอมทอง คลองเตย และหลักสี่ ส่วนสายพันธุ์อัลฟ่า อยู่ที่ 45.6%

ซึ่งกทม.มีการรายงานกลุ่ม CCRT มีการลงพื้นที่ 139 ชุมชน มีผู้ได้รับการตรวจ 4,583 คน ตรวจพบด้วย Antigen test kit เมื่อวันที่ 20 ก.ค.64 จำนวน 383 คน ผลพบเชื้อ 37 คน โดย 31 คนนำเข้าระบบ Home Isolation และมี 3 คนที่มีข้อจำกัดเรื่องที่บ้านนำเข้าสู่ระบบ Community Isolation และมี 3 รายที่มีอาการอยู่ในขั้นสีเหลืองจึงส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล โดยแพทย์หญิงอภิสมัย เน้นย้ำว่า การใช้ Antigen test kit เป็นการตรวจแม่นยำต่ำกว่าการตรวจด้วยวิธี RTPCR แต่เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนให้มากที่สุดจึงจำเป็นต้องนำมาใช้

ทั้งนี้ แพทย์หญิงอภิสมัย ระบุว่า ในกรุงเทพมหานครเตรียมเปิดจุดตรวจโควิด-19 ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. 69 จุด ซึ่งยอมรับว่าขณะนี้ศักยภาพในการจัดสรรเตียงมีข้อจำกัด เตียงที่มีอยู่ขณะนี้ คือการเปิดเตียงเพิ่ม ทั้งนี้ การแยกกักที่บ้าน และชุมชน ผอ.ศบค. เน้นย้ำให้มีการแยกกักชุมชนอย่างน้อย ตั้งเป้าเขตละ 1 แห่ง บางเขตอาจทำได้ถึง 2 แห่ง ซึ่งจะเพิ่มศักภาพการบริหารเตียง ซึ่งขณะนี้ กทม. จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อการส่งต่อแล้ว 49 แห่ง ใน 47 เขต เปิดรับผู้ป่วยแล้ว 19 แห่ง รองรับได้ 5,365 เตียง

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube