จากกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดคุมเข้มพื้นที่ 10 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้ง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ห้ามนั่งกินอาหารในร้าน ให้ซื้อกลับได้อย่างเดียว รวมทั้งห้ามกิจกรรมรวมกลุ่มเกิน 20 คน ห้ามจัดประชุม สัมมนา และห้างสรรพสินค้าปิดเวลา 21.00 น. เพื่อควบคุมโควิด-19 การประกาศดังกล่าวดูเหมือนจะสร้างผลกระทบหนักต่อร้านค้า ที่มีความหวังว่าจะกลับมามีรายได้อีกครั้งแต่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ติดตามบรรยากาศร้านอาหารในวันนี้ พบว่า ทุกร้านได้ปฏิบัติตามการประกาศของรัฐบาล ในการห้ามนั่งรับประทานที่ร้าน โดยลูกค้าที่มาซื้อทุกคนซื้อกลับไปทานที่บ้านและที่ทำงาน
ขณะเดียวกัน มีเสียงสะท้อน ถึงความหมดหวัง และความท้อแท้ ที่จะเปิดร้านขายอาหารต่อไป โดยเจ้าของร้านรายหนึ่งบอกกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ปัจจุบันลูกค้าที่ร้านก็มีน้อย อยู่แล้วมีนั่งทานที่ร้านบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ได้เต็มทุกโต๊ะ เนื่องจากลูกค้าก็ระมัดระวังตนเองในการออกมาทานอาหารนอกบ้านซึ่งยอดขายส่วนใหญ่ มาจากการขายในออนไลน์แต่ไม่ได้มากมายนัก และยิ่งรัฐบาลประกาศห้ามนั่งทานในร้าน ยิ่งทำให้ลูกค้าหายไปอีก ไม่รู้ว่าจะขายของพอจ่ายค่าเช่าที่ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายอื่นๆหรือไม่ เพราะทุกวันนี้เงินเก็บที่มีอยู่แทบไม่เหลือต้องนำออกมาใช้ประคับประคองชีวิต ให้ผ่านแต่ละเดือน จะเลิกจ้างลูกน้องก็สงสารทำได้เพียงลดค่าแรง และให้ทานอาหารในร้านได้
ทุกวันนี้รู้สึกท้อใจมาก ไม่รู้ว่าจะประคับประคองร้านได้นานแค่ไหนหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อาจจะต้องปิดกิจการ และก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรให้มีรายได้ จะฝากความหวังไว้กับรัฐบาลก็มองไม่เห็นหนทางที่จะช่วยเหลือประชาชนได้เลย ทุกอย่างดูเลวร้ายขึ้นทุกวัน การมีวัคซีนเข้ามาก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ตรงจุด ก่อนที่ประชาชนจะแย่ไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม การประกาศดังกล่าวได้ส่งผลกระทบ ให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ต้องเจอเหตุการณ์เหมือนกัน และมีเสียงสะท้อนว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป รอวันปิดร้าน ปิดกิจการแบบถาวรได้เลย เพราะไม่มีเงินที่จะมาใช้จ่าย เพราะขายของรายได้ลดลง ขณะที่รายจ่ายไม่เคยลดลงเลย ไม่รู้จะต้องทำวิธีไหนให้อยู่รอด จะประกาศขายกิจการ เซ้งต่อ ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ขายในราคาถูกๆยังไม่มีใครกล้าตัดสินใจจะลงทุนในภาวะเช่นนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
