“อนุทิน” เผย สธ. ลงนามจองซื้อ วัคซีนไฟเซอร์ แล้ว ผู้ผลิตเตรียมยื่นขึ้นทะเบียน กับ อย. ต่อไป ยันไทยไม่ขาดวัคซีน ทยอยส่งมอบตามแผน เร่งหาเพิ่มไม่เกิดการหยุดชะงัก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลไทยมีการเจรจาจัดหาวัคซีนโควิด 19 เพิ่มเติมกับทุกบริษัท ล่าสุดวันนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ลงนามเอกสารสัญญาจองซื้อ วัคซีนกับไฟเซอร์ แล้ว หลังจากนั้นจะทำบันทึกความตกลงการจัดซื้อวัคซีน
โดยจะมีการกำหนดเรื่องของราคา และเงื่อนไข ภายใน 4 สัปดาห์ ซึ่งจากนี้ทางไฟเซอร์ จะต้องส่งเอกสารผ่านระบบ E-Submission เพื่อยื่นขึ้นทะเบียนวัคซีนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ส่วนวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน นั้น เอกสารสัญญาทางสำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณากลับมาแล้ว อยู่ระหว่างบริษัทผู้ผลิตที่สหรัฐอเมริกา ตอบกลับมา หากทุกอย่างเรียบร้อย จะมีการจัดซื้อวัคซีนของไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 5 ล้านโดส ภายในปี 2564
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดหาวัคซีนมาให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง จากทั้งผู้ผลิตวัคซีนรายใหม่ รูปแบบ และเทคโนโลยีใหม่ ส่วนการฉีดวัคซีนโควิดกระตุ้นทุกปีหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีผลทางวิชาการที่ชัดเจนถึงระยะเวลาของประสิทธิผลวัคซีน จึงควรมีการฉีดซ้ำเช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ต้องฉีดกระตุ้นทุกปี ส่วนจะฉีด กี่เข็มขึ้นกับผลการศึกษา และข้อบ่งชี้การใช้ของวัคซีนแต่ละชนิดที่นำเข้ามาใช้ หากมีแบบเข็มเดียวก็ฉีด เพียงเข็มเดียว เป็นต้น
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 28 ก.พ. จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. ไทยจะมีคนฉีดวัคซีนรวมกว่า 10 ล้านคน และจะฉีดต่อเนื่องให้ประชาชนจนถึงสิ้นปี ยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีคำว่าขาดวัคซีน เนื่องจากมีทั้งวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค ทยอยส่งมอบ
โดยสัปดาห์หน้า จะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ส่งให้ตามที่กำหนด และส่งมอบจนครบ รวมถึงอีกประมาณ 3 เดือน คาดว่าจะมีวัคซีนของผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่เซ็นสัญญาทยอยส่งมา สิ่งสำคัญคือการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนให้เหมาะสมกับจำนวนที่มี เพื่อให้มีวัคซีนฉีดอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดการหยุดชะงัก หรือรอวัคซีนในช่วงจัดส่งที่อาจทำให้เกิดความกังวลใจกันได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news