fbpx
Home
|
ทั่วไป

รพ.บุษราคัมทยอยรับผู้โควิดต่อเนื่อง112ราย

Featured Image
สธ. เผย โรงพยาบาลบุษราคัม ทยอยรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่อเนื่องแล้ว ล่าสุด เข้ารักษาตัวแล้ว 112 ราย พบปอดติดเชื้อ 29 ราย ส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาล 4 ราย

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า โรงพยาบาลบุษราคัมได้นำผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทยอยเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อเข้ารักษาในโรงพยาบาลแล้วจำนวน 112 ราย ในจำนวนนี้พบผู้ป่วยปอดติดเชื้อ 29 ราย ได้รับการรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 47 ราย และมีการส่งต่อเพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จำนวน 4 ราย ซึ่งโรงพยาบาลบุษราคัมเป็นโรงพยาบาลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีศักยภาพและความพร้อมในการดูแลผู้ป่วย ที่มีอาการน้อยถึงระดับปานกลางใช้พื้นที่อาคารชาเลนเจอร์ 3 จำนวน 1,092 เตียง มีการแยกสัดส่วนห้องผู้ป่วยที่ชัดเจนมีแผนติดตั้งเต็นท์ความดันลบให้ได้จำนวน 100 เต็นท์ มีเครื่องช่วยหายใจเคลื่อนที่มีระบบออกซิเจนเหลว เพื่อใช้กับเครื่องช่วยหายใจที่ต่อท่อถึงเตียงคนไข้ที่มีอาการทั้งระบบออกซิเจนแคนนูล่า และระบบไฮโฟลล์ รวม 270 เตียง นอกจากนี้ ยังมีความครบครัน ทั้ง ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ รถ X-rayเคลื่อนที่ และระดมบุคลากรทางการแพทย์ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจากทั่วประเทศ หมุนเวียนปฏิบัติหน้าที่ รวมกว่า 780 คน ในการดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต

ส่วนการรับผู้ป่วยเข้ารักษามาจากการประสานงานผ่านสายด่วนต่างๆ โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม จากพื้นที่ กทม. มาดูแลรักษา หากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสามารถขยายพื้นที่ได้อีก 2 อาคาร รองรับผู้ป่วยได้ถึงประมาณ 5,000 เตียง มีพื้นที่ขนาดใหญ่และมีความสะดวกในการรับและส่งต่อ ซึ่งเป็นการช่วยให้โรงพยาบาลในเขต กทม.มีเตียงรองรับผู้ป่วยอาการหนักกลุ่มสีแดงได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น ขอให้ประชาชนในพื้นที่โดยรอบอย่ากังวลว่า จะมีเชื้อปนเปื้อนออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก กระทรวงสาธารณสุขได้วางระบบวิศวะกรรมได้แล้ว ทั้งระบบฆ่าเชื้อโรคในบ่อบำบัดน้ำเสีย มีเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศด้วยแสงยูวี ป้องกันผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube