สุดเวทนาหญิงป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะ3ไม่มีเงินอาศัยเพื่อบ้านนำอาหารมาให้ซ้ำบ้านกำลังถูกยึดหลังกู้มารักษาสามีที่เสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีหญิงวัย 52 ปีพร้อมด้วยบุตรสาวอายุ 13 ปีส่วนสามีได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็งลำไส้ อาศัยอยู่บ้านปูนชั้นเดียว เลขที่ 55/4 หมู่ 5 ตำบลป่างิ้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 3 และอีกหลายโรค จนไม่สามารถทำงานได้ทำให้ไม่มีเงินมาซื้ออาหารมารับประทาน ต้องอาศัยข้าวปลาอาหารที่เพื่อนบ้านนำมาให้ ซ้ำลูกสาวที่กำลังขึ้นเรียนหนังสือชั้นมัธยมปีที่ 2 ยังไม่มีอุปกรณ์การเรียนเลย
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 55/4 หมู่ 5 ตำบลป่างิ้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง พบนาง สุรีรัตน์ กองกุล อายุ 52 ปี และบุตรสาว กำลังนั่งปรับทุกข์อยู่ภายในบ้านบ้านปูนชั้นเดียว มุงด้วยกระเบื้องเก่าที่เป็นรูพรุนจนสามารถมองเห็นท้องฟ้า ภายในบ้านมีหม้อหุงข้าวเก่าแต่ภายในหม้อไม่มีข้าว ส่วนภายในหม้อแกงมีแค่กับข้าวเพียงหนึ่งถุงเท่านั้น
สอบถามนาง สุรีรัตน์ กองกุล ว่าป่วยเป็นโรคอะไรบ้าง ได้ความว่าตนป่วยเป็นหลายโรค ความดัน เบาหวาน ไขมัน มะเร็ง ไตที่ถุงน้ำดี ต้องไปหาหมอทุกเดือน ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรเลยต้องอยู่บ้านเฉยๆเพราะไม่มีแรงทำงาน ส่วนเวลาไปหาหมอที่ธรรมศาสตร์ค่าใช้จ่ายต้องหายืมเพื่อนบ้านไป ส่วนที่รู้ว่าเป็นมะเร็งรู้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่วนบ้านที่อาศัยอยู่กำลังจะถูกยึดโดยมีทนายมาแจ้งว่าบ้านถูกยึดแล้ว โดยวันที่ 8 พฤศจิกายน นี้ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
เพื่อฉายแสงอีกส่วนเพื่อนบ้าน นางกฤษณา เย็นทรวง พูดถึงนาง สุรีรัตน์ กองกุล หรือกระรอก ว่าเห็นมาตั้งแต่สามีป่วยเป็นมะเร็ง คอยช่วยเหลือนำข้าวมาให้ซึ่งช่วงนั้นกระรอกยังทำงานได้จึงพอมีกิน แต่ตอนนี้เขามาเป็นมะเร็ง ต้องให้คีโม แต่ต้องติดโควิดมาอีก จึงช่วยเหลือส่งข้าวส่งน้ำกัน โดยพี่สาวเป็นคนทำให้เพราะสงสาร ช่วยแบบช่วยเท่าที่ช่วยได้ เพราะเราก็ไม่ค่อยมีเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้กระรอกทำงานไม่ได้เพราะเลือดเขาออกแล้วปวด แม้แต่ข้าวยังหุงกินไม่ได้เลย ก็ต้องส่งกัน ซึ่งเราก็ไม่ได้เป็นญาติแค่บ้านใกล้ชิดติดกัน ก็ช่วยกันไปเท่าที่ช่วยได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
