โคราชตั้งด่าน สกัดโควิดเข้ม จากพื้นที่ภาคกลาง-ตะวันออก หลังประกาศล็อกดาวน์ แต่ผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร ชุดปฏิบัติการตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่บริเวณจุดคัดกรองประชาชน สภ.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาย 304
โดย มี พ.ต.อ.พีรพงศ์ ธนโพธิ์ชัย ผกก.สภ.วังน้ำเขียว พร้อมด้วยนายสุพจน์ แสนมี นายอำเภอวังน้ำเขียว ให้การต้อนรับ สำหรับจุดคัดกรองนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง ทหารกองทัพภาคที่ 2, ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว, ฝ่ายปกครอง อ.วังน้ำเขียว, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ อสม.ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว
ร่วมกันตั้งจุดตรวจคัดกรองไวรัสโควิด-19 ตามคำสั่งของนายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อคัดกรองประชาชน ที่เดินทางมาจากพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก ภายหลังจากที่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรง ทั้งในพื้นที่ภาคตะวันออก และพื้นที่หลายจังหวัดในภาคอีสาน โดยเฉพาะในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีผู้ป่วยสะสมกว่า 8 พันรายแล้ว ทำให้ทาง ศบค. ส่วนกลาง ประกาศให้ จังหวัดนครราชสีมา เป็นพื้นที่เฝ้าระวังและควบคุมสีแดงเข้ม
นายกอบชัย กล่าวว่า ภายหลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ในหลายพื้นที่ ทั้งในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคอีสาน จนกระทั่งพื้นที่ จ.นครราชสีมา ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังควบคุมสูงสุดสีแดงเข้ม ซึ่งต้องมีการจำกัดการเดินทางเข้า-ออก พื้นที่จังหวัดอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะถนนที่เป็นเส้นทางเดินรถจากพื้นที่เสี่ยง ทั้ง กทม. ปริมณฑล และภาคตะวันออก
ดังนั้นตนเองจึงได้มีคำสั่งให้ตั้งจุดตรวจคัดกรองประชาชน ตามเส้นทางต่างๆ กว่า 10 จุด เพื่อเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง เช่นที่จุดคัดกรอง อ.วังน้ำเขียว แห่งนี้ ซึ่งจะมีกลุ่มประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ภาคตะวันออก ที่มีหลายจังหวัดมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก
จึงจำเป็นต้องตรวจคัดกรองประชาชนที่เดินทางเข้ามา โดยเน้นที่กลุ่มอาชีพผู้ใช้แรงงาน โรงงานต่างๆ ที่ปิดกิจการ และทำให้คนงานเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่จะต้องได้รับการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
