fbpx
Home
|
เศรษฐกิจ

เงินเฟ้อ เม.ย.โต 3.41% สูงสุด 8 ปี 4 เดือน

Featured Image
กระทรวงพาณิชย์ เผย สิ้นสุดมาตรการรัฐ ค่าไฟฟ้าพุ่ง ดันเงินเฟ้อ เม.ย. โต 3.41% สูงสุดรอบ 8 ปี 4 เดือน

นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ อัตราเงินเฟ้อ ในช่วงเดือนเมษายน 2564 พบว่า อัตราเงินเฟ้อมีการขยายตัวสูงขึ้นที่ร้อยละ 3.41 ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้งในรอบ 14 เดือนและเป็นอัตราเงินที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 ปี 4 เดือนด้วย ทั้งนี้เป็นผลมาจากการสิ้นสุดมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ส่งผลทำให้อัตราค่าไฟฟ้าในเดือนเมษายนปรับตัวสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ประกอบกับราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากฐานราคาน้ำมันในปีก่อนอยู่ในระดับต่ำและราคาอาหารสดปรับสูงขึ้นตามฤดูกาลรวมถึงสูงขึ้นตามความต้องการบริโภคที่มีมากขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์เนื่องจากไม่มีการล็อกดาวการเดินทาง

โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนถัดไปมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีกหากไม่มีมาตรการในเรื่องของการชดเชยค่าครองชีพของรัฐบาลมาสนับสนุน แต่หากมีมาตรการอัตราเงินเฟ้อจะลดลงประมาณร้อยละ 2

นอกจากนี้ นายวิชานัน  เปิดเผยว่า หลังจากการสิ้นสุดมาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ ของรัฐบาล ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อทำให้ขยายตัวสูงขึ้นนั้น ทาง สนค. จะมีการจับตาสถานการณ์ราคาสินค้าเป็นพิเศษโดยเฉพาะสินค้าที่มีความเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน เนื่องจากทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นเพราะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ความต้องการสินค้าในตลาดมีมากขึ้นส่งผลกับราคาสินค้าให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะความต้องการของประเทศจีน ในการนำเข้าสินค้าทุน เพื่อการผลิต ส่งผลกับราคาวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กในตลาดโลกมีการปรับสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้

และในส่วนของประเทศไทยดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นทุกรายการก่อนการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งหลังจากนี้อาจต้องมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่ทั้งปี ทาง สนค. ยังคงประมาณการ การเติบโตของอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 1.2 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0.43

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube