fbpx
Home
|
เศรษฐกิจ

พณ.เปิดแผนเจรจา FTA ปี 66

Featured Image
พาณิชย์ เปิดแผนเจรจา ปี 66 เดินหน้านับหนึ่ง FTA ไทย-อียู เร่งปิดดีล FTA ที่ค้าง 4 ฉบับ ให้จบในปี 67

 

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยแผนการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทย ในปี 2566 ว่า กรมมีแผนการเจรจา FTA 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 เดินหน้าเปิดเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) โดยเร็ว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

ได้พบหารือกับรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปด้านเศรษฐกิจและกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า และทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายจะเปิดเจรจา FTA ไทย-อียู โดยเร็วที่สุด โดยกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเรื่องนี้ รวมถึงเห็นชอบกรอบเจรจา FTA ไทย-อียู ซึ่งผ่านการหารือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อให้ไทยสามารถเปิดเจรจา FTA กับอียู ภายในไตรมาสแรกของปีนี้

 

สำหรับด้านที่ 2 เร่งสรุปผลการเจรจา FTA ที่ค้างอยู่ 4 ฉบับ คือ เอฟตา (ประกอบด้วย 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) แคนาดา ตุรกี และศรีลังกา ให้จบโดยเร็วภายในปี 2567 โดยวางแผนจัดการประชุมทุก 2-3 เดือน เพื่อให้การเจรจาคืบหน้าและสรุปผลได้ตามกำหนด และด้านที่ 3 เร่งศึกษาประโยชน์และผลกระทบของการทำ FTA กับคู่ค้าใหม่

 

โดยเฉพาะกลุ่มคณะมนตรีความร่วมมือรัฐประเทศอ่าวอาหรับ หรือ GCC (ประกอบด้วย 6 ประเทศ คือ บาห์เรน คูเวต โอมาน ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก หรือ Pacific Alliance (ประกอบด้วย 4 ประเทศคือ ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก และเปรู) และกลุ่มประเทศแอฟริกา 55 ประเทศ เพื่อหาตลาดใหม่ที่จะช่วยขยายโอกาสการค้าไทยตามข้อเรียกร้องของภาคเอกชนผ่านที่ประชุม กรอ.พาณิชย์

 

โดย FTA ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไทยท่ามกลางความท้าทายเศรษฐกิจโลก ผ่านการเปิดตลาด ลดเลิกอุปสรรคทางภาษีศุลกากร และที่มิใช่ภาษี ปรับปรุงกฎระเบียบที่จะอำนวยความสะดวกทางการค้า และยกระดับให้ได้มาตรฐานสากล ตลอดจนเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างกัน กรมจึงได้ให้ความสำคัญในการเร่งเดินหน้าเรื่องการทำ FTA กับคู่ค้าสำคัญ

 

โดยเฉพาะกับอียู ซึ่งเป็นเป้าหมายอันดับต้นในการเปิดเจรจา FTA ของไทยในปีนี้ ซึ่งอียูถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับอียู มีมูลค่า 41,038.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.9 จากปีก่อนหน้า คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7 ของการค้าไทยกับโลก สินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่มีโอกาสขยายตัวในตลาดอียู เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์อาหาร ไก่แปรรูป ข้าว เคมีภัณฑ์ ยาง และพลาสติก

 

นอกจากนี้ สำหรับประเทศคู่ค้าใหม่ๆ อาทิ กลุ่ม GCC ในปี 2565 มีมูลค่าการค้ากับไทย สูงถึง 39,618.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.71 ของการค้าไทยกับโลก โดยไทยค้ากับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) สูงสุดในกลุ่ม GCC รองลงมา คือ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และโอมาน ขณะที่การค้ากับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกอยู่ที่ 6,239.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกลุ่มประเทศแอฟริกา 55 ประเทศอยู่ที่ 2,831.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube