สาว ร้อง นั่งแท็กซี่ คนขับชนท้ายรถเมล์ บาดเจ็บสาหัส ไร้การเยียวยา
ที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด นางสาวเอ อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง มาขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังโดยสารรถแท็กซี่
แต่ปรากฏว่าคนขับรถเกิดอาการเครียดจัด และมีอาการคล้ายคนหลอนยาเสพติด ขับรถพุ่งชนท้ายรถเมล์ ทำให้ตัวเองที่นั่งอยู่เบาะหลัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกแตก จมูกหัก แขนหักผิดรูป ค่ารักษาพยาบาลไปกว่า 1.9 ล้านบาทนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นั่งแท๊กซี่ แต่คนขับ ขับรถพุ่งชนรถเมล์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ด้านนางสาวเอ อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง เล่าว่า วันเกิดเหตุได้เรียกรถจากสุขุมวิท 39 เพื่อไปโรงพยาบาลศิริราช เมื่อขึ้นรถไปคนขับแท็กซี่บ่นว่าโดนผู้โดยสารโกงไม่จ่ายรถค่าแท็กซี่ บอกจะไปกดเงินให้แล้วก็หายไปเลย จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่ทราบว่าเขาคิดหรือเครียดอะไร เมื่อไปถึงใกล้ไฟแดง ซึ่งเป็นจุดที่ขับรถแทรกไม่ได้ ก็ได้ขับไปชนกับรถประจำทาง และไปชนเกาะกลางก่อนจะไปพุ่งชนกับรถเมล์ที่ติดไฟแดง ส่วนตัวเองได้รับบาดเจ็บ กรามหัก กระดูกแตกละเอียด เลือดออกภายใน
ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอให้กระดูกข้างในเข้าที่ ฟันไม่สามารถสบกันได้ ยังต้องได้รับการกายภาพอย่างต่อเนื่อง ส่วนการแจ้งความทางครอบครัวได้เป็นผู้ไปแจ้งความหลังเกิดเหตุที่สน.พญาไท เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 13 ตุลาคม 2567 แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่ามีพนักงานสอบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และได้เรียกตัวคนขับรถแท็กซี่มาที่ สน. หรือได้ตรวจสารเสพติด และแอลกอฮอล์ของคนขับรถแท็กซี่หรือไม่ ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาลได้ใช้สิทธิประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และประกันของที่ทำงานที่มีอยู่ แต่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากออกจากโรงพยาบาลก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องรอให้แผลภายในสมานกันก่อนจึงจะทำการรักษาต่อได้
นางสาวเอ ยังกังวลเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสารที่จะต้องใช้รถสาธารณะ เพราะไม่รู้ว่ารถคันที่เลือกใช้บริการจะมีความปลอดภัยหรือไม่ เนื่องจากคนขับรถแท็กซี่คันเกิดเหตุมีประวัติถูกแจ้งความดำเนินคดี ทำไมจึงไม่มีการคัดกรองให้ดี ต้องให้ผู้โดยสารมาลุ้นว่าจะต้องเจอกับอะไร และอยากเรียกร้อง เพราะที่ผ่านมา คนขับรถแท็กซี่ไม่เคยติดต่อประสานงานเข้ามาเลย รวมทั้งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ก็ไม่ได้ประสานงานเข้ามาเช่นเดียวกัน ขณะนี้ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเป็นเงิน 1.9 ล้านบาท อีกทั้งยังต้องมีค่ารักษาตัว กายภาพ ในอนาคต ซึ่งตัวเองต้องเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด
นายเอกภพ กล่าวสุดท้ายว่า ผู้เสียหายอยากให้กรมการขนส่งทางบกออกมาตรการในการตรวจสารเสพติด สุขภาพจิต และประวัติอาชญากรรมของผู้ขับขี่รถสาธารณะเป็นประจำ ควรมีมาตรการอย่างรัดกุม เพราะผู้เสียหายกังวลไม่อยากให้คนขับรถแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้หากยังขับรถอยู่อาจไปเกิดเหตุกับคนอื่นอีกได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews