“ทวี” มั่นใจ ขั้นตอนชันสูตร “บุ้ง ทะลุวัง” โปร่งใส
“ทวี” มั่นใจ ขั้นตอนชันสูตร “บุ้ง ทะลุวัง” โปร่งใส ตรวจสอบโดยพนักงานสอบสวน อัยการ และฝ่ายปกครอง ยัน ใช้มาตรฐานเดียวกับ “ทักษิณ” ด้าน อธิบดีราชทัณฑ์ ยอมรับ แถลงก่อนหน้านี้ไม่ชัดเจน อ้างเพราะไม่ใช่หมอเจ้าของไข้
วันนี้ (17 พ.ค. 67) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึง กรณีการเสียชีวิตของนางสาวเนติพร เสน่ห์คง หรือ บุ้ง ทะลุวัง ว่าขั้นตอนการชันสูตรพลิกศพนั้น เบื้องต้น การชันสูตรผู้เสียชีวิตที่อยู่ระหว่างการควบคุมของเจ้าหน้าที่จะต้องมีพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการและฝ่ายปกครอง มาร่วมดำเนินการภายใต้คำสั่งของอัยการ โดยทำสำนวนและส่งศาลใน 30 วัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสต่อสาเหตุการเสียชีวิต จากนั้นศาลจะดำเนินการไต่สวนสำนวนภายใน 30 วัน ซึ่งญาติหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาสอบถามหรือ ข้อสงสัย หรือหาพยานหลักฐานมาหักล้างสาเหตุการตายตามข้อสงสัยได้ จึงขอให้ครอบครัวมีความมั่นใจ
พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า ตนไม่อยากจะกล่าวอะไรที่เป็นการชี้นำเนื่องจากกระบวนการต่างๆเหล่านี้ไม่มีขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับกรมราชทัณฑ์ แต่พร้อมที่จะสนับสนุนข้อมูลให้ ส่วนลำดับเหตุการณ์ขณะเสียชีวิตนั้นขณะนี้กรมราชทัณฑ์กำลังดำเนินการจัดทำรายละเอียดเพื่อชี้แจงทั้งหมดว่า โดยเบื้องต้นทราบว่ามีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ 9 คน และจากการที่ดูกล้องวงจรปิดแล้วมีบันทึกรายละเอียดเหตุการณ์ไว้ทั้งหมดรวมถึงเหตุการณ์ย้อนไปหลายวัน จึงขอให้มีความมั่นใจได้ น.ส.เนติพร รับประทานอาหารขณะอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และมีรายการจัดส่งอาหารที่พยาบาลบันทึกไว้ทั้งหมดว่าจัดส่งอาหารครบสามมื้อ ซึ่งหากว่าทนายความอยากดูภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น โดยหลักการสามารถให้ได้อยู่แล้วแต่ เจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบก่อนและได้คุยกับทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้วว่าให้เปิดเผยข้อมูลเป็นหลัก อะไรที่เป็นสิทธิ์ของผู้ป่วยที่ต้องขออนุญาตก่อน
ส่วนการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น เพื่อตรวจสอบเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว ขึ้นอีกและกรมราชทัณฑ์จะสามารถดูแลผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีได้ดีขึ้นมากกว่านี้หรือไม่
ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา ก็ต้องดูตามกฏหมาย อะไรที่เป็นกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกฏหมายส่วนเรื่องมนุษยธรรมนั้น อยากให้ตะวันไปงานศพ ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะมีอำนาจในการให้ผู้ต้องขังเด็ดขาดไปงานศพของพ่อและแม่ที่เสียชีวิตได้ แต่เนื่องจากกรณีเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งกรมราชทัณฑ์ไม่มีอำนาจ ต้องให้ศาลเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในการให้ประกัน
ส่วนกรณีที่สังคมมองว่าจะเป็นการดูแลสองมาตรฐาน หรือไม่เมื่อเปรียบเทียบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า มีมาตรฐานเดียว โดยกรณีของน.ส.เนติพร ถ้าธรรมศาสตร์ไม่ทำหนังสือส่งตัวมา เราก็ให้อยู่ที่ธรรมศาสตร์ต่อไป ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี เราไม่ใช่พนักงานสอบสวนเพราะเรือนจำมีไว้ให้ออก และทำอย่างไรให้เขาออกไปอยู่ในสังคมที่มีคุณภาพ
ด้านนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า จากขั้นตอนที่ได้รับรายงานมานั้นในขั้นตอนแรกพบว่าน.ส.เนติพรและตะวันตื่นตั้งแต่เวลาประมาณ 03:00 น. และมีการพูดคุยกัน จากนั้นตะวันไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับมาถามน.ส.เนติพรที่ขณะนั้นนอนอยู่ที่เตียงผู้ป่วยว่า ยังปวดท้องอยู่หรือไม่ และเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจ สภาพร่างกายตามปกติทุกวันทั้งการตรวจวัดความดัน ออกซิเจน การเต้นของหัวใจ
ตรวจเสร็จแล้วก็มาตรวจตะวันต่อ หลังจากนั้นประมาณ 1 นาที หรือเวลาประมาณ 06:00 น. น.ส.เนติพรได้ลุกขึ้นนั่ง และปรากฏว่ามีอาการวูบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.)จำนวน 4 คนก็ได้ยกบุ้งทั้งที่นอนไปรักษาที่ห้องไอซียู และทำ cpr มีการตรวจวัดชีพจร ให้กลูโคลส ฉีดอะดรีนารีนเพื่อกระตุ้นหัวใจโดยมีแพทย์เป็นผู้ฉีด มีการทำ cpr ตลอดเวลาต่อเนื่องจนกระทั่งนำตัวส่งแพทย์ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ระหว่างนั้นมีการประเมินสภาวะร่างกายโดยการจับชีพจรแต่ไม่สามารถจับสัญญาณการเต้นของหัวใจได้ แต่สัญญาณชีพที่ตรวจวัดได้ครั้งสุดท้ายคือ 90 ครั้ง/นาที จนกระทั่งเวลาประมาณ 11:00 น. ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์จึงแจ้งว่า เสียชีวิตอย่างสงบ
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าน.ส.เนติพรได้เสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์หรือไม่นั้น? นายสหการกล่าว ว่าจะต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติมแต่คิดว่าอยู่ระหว่างการยื้อชีวิตให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ได้บอกว่าสิ้นชีพไปแล้ว สัญญาว่าไม่ได้ส่งตัวช้า เพราะหลังเกิดเหตุในการประสานโรงพยาบาลธรรมศาสตร์โดยทันที แต่ระหว่างนั้นมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการหลายอย่าง ย้ำว่าได้พยายามสุดความสามารถแล้ว ซึ่งจากการได้พูดคุยกับเพื่อนที่เป็นแพทย์ก็ยืนยันว่า ได้ทำไปตามมาตรฐานของโรงพยาบาล
ยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และไม่มีอาการที่บ่งชี้มาก่อนว่าจะเกิดภาวะฉุกเฉินที่ส่งผลต่อชีวิต ซึ่งได้ตรวจสอบรายงานทางการแพทย์มาแล้วทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ ห้องกู้ชีพของทัณฑสถานและการรักษาของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีความพร้อมในระดับมาตรฐานของสถานพยาบาลชั้นทุติยภูมิโดยทั่วไป แต่หลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีสาร และอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการกู้ชีพเพียงพอหรือไม่
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ในการแถลงข่าวครั้งล่าสุดผู้ให้ข้อมูลเป็นแพทย์ที่ไม่ใช่แพทย์เจ้าของไข้และไม่ใช่แพทย์เวรจึงไม่สามารถให้รายละเอียดในเชิงลึกได้ จึงทำให้เกิดการตอบคำถามที่ไม่ชัดเจน
ส่วนเรื่องการดูแลรักษาในวันนั้น เนื่องจากบุ้งเป็นผู้ป่วยพักฟื้น ไม่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษจะมีการตรวจ จัดอาหารและอาหารเสริมให้ตามปกติ รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ในห้องนั้นมีหน้าที่ที่คอยเป็นหูเป็นตาให้กับแพทย์โดยมีแพทย์และพยาบาลควบคุมดูแลอีกชั้นหนึ่ง
ยืนยันว่าแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ได้พยายามยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไปได้ ส่วนรายละเอียดทางการแพทย์ในเชิงลึกนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมถึงไม่ได้ส่งตัวช้า เนื่องจากมีหลายขั้นตอนที่ต้องทำ เช่น ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสัญญาณหัวใจ
ส่วนกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าคำพูดที่ นพ.สมภพ สังคุตแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า “ไม่มีหมอเทวดาที่ไหนรักษาได้นั้น” นายสหการณ์ เผยว่า ตนมองว่าอาจจะเป็นในลักษณะการพูดมากกว่า เพราะถ้าพินิจกันตามตรง ผู้ป่วยมีหลายประเภท มีทั้งผู้ป่วยในห้องพักฟื้นและรอการกลับบ้าน ในขณะที่น.ส.เนติพรไม่ใช่ผู้ป่วยฉุกเฉิน เขาคือผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาไปตามอาการ แต่สิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้คือบางทีไม่ฉุกเฉินแต่วูบหมดสติก็มีโดยไม่มีข้อบ่งชี้ แต่แพทย์ได้ทำสุดความสามารถแล้ว เรามีการวัดค่าออกซิเจน อัตราการเต้นของชีพจร ค่ากลูโคส ฯลฯ ทุกวัน ซึ่งมันไม่มีตัวบ่งชี้มาก่อนว่าบุ้งอยู่ในภาวะอันตรายหรือเสี่ยงอันตราย และน.ส.เนติพรยังมีกิจกรรมกิจวัตรประจำวันปกติ ส่วนเรื่องการเต้นของชีพจรหัวใจของบุ้งก่อนเสียชีวิตอาจจะประมาณ 90 ครั้งต่อนาที ซึ่งมันเป็นค่าปกติ จึงไม่ได้ทำให้เห็นว่าต้องมีการกู้ชีพกระทันหัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





