Home
|
อาชญากรรม

“สนธิญา” ร้อง DSI รับเรื่องกากแคดเมียมเป็นคดีพิเศษ

Featured Image

 

 

 

 

 

“สนธิญา” ร้อง DSI รับเรื่องกากแคดเมียมเป็นคดีพิเศษ พร้อมตั้งข้อสงสัย หน่วยงานใดรับผิดชอบ พบ ผู้บริหาร บ.เบาด์ฯ นามสกุล คล้าย นักการเมือง หวั่นมีเอี่ยว คาด สัปดาห์หน้า ร้อง ปปง. ตรวจสอบ ฟอกเงิน

 

 

 

 

วันนี้ (2 เม.ย. 67) ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบกรณีกากแคดเมียมในหลายประเด็น

 

ทั้งยังขอให้ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ดำเนินการชี้ชัดว่าจะมีกระบวนการดำเนินการกับบริษัทเอกชนที่มีการซื้อขายกากแคดเมียมอย่างไร และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงจะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับเรื่อง

 

นายสนธิญา กล่าวว่า เรื่องสารพิษแคดเมียม มีผู้กระทำการให้เกิดความเสียหายประกอบการกระทำผิดกฎหมายหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงเห็นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหน่วยงานที่จะเข้ามาตรวจสอบความจริงให้ปรากฏเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศได้ โดยตนได้ตั้งข้อสงสัย คือ

 

1.ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายกากแคดเมียมนั้น หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะแคดเมียมเป็นสินทรัพย์ที่มีจากการถลุงแร่ สังกะสี ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือปัจจุบัน คือ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการซื้อชายระหว่างบริษัทเอกชนกันที่ตันละ 1,200 บาท จึงมองว่าควรเป็นหน้าที่รับผิดชอบของบริษัทเอกชนที่ซื้อขายกัน

 

2.หน่วยงานใดรับผิดชอบในการอนุญาตนำกากแคดเมียมขึ้นมาจากหลุมฝังกลบทั้ง ๆ ที่เป็นสารพิษ

 

3.การบรรทุก การเดินทาง รถมีน้ำหนักเกินหรือไม่

 

4.จังหวัดที่มีสารแคดเมียมไปเก็บกัก หน่วยงานราชการใดในจังหวัด เช่น กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร ชลบุรี ใครเป็นผู้รับผิดชอบ

 

5.เอกชนที่เป็นเจ้าของพื้นที่กักเก็บแคดเมียม รับผิดชอบอย่างไร

นายสนธิญา กล่าวอีกว่า วันนี้ที่ตนเดินทางมาร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องด้วยในฐานะที่ตนเองเป็นคณะทำงานเกี่ยวกับการพัฒนายุทธศาสตร์ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนใต้ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และกากแคดเมียมก็ไปถูกเจอที่ จ.สมุทรสาคร

 

จากนั้นเมื่อสืบสาวเรื่องจึงได้ข้อมูลว่าบริษัทที่เป็นต้นทางของการผลิตสังกะสีที่ จ.ตาก คือ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือปัจจุบัน คือ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และเมื่อถลุงสังกะสีก็เหลือเป็นกากแคดเมียมหรือแร่บางส่วน และฝังไว้ที่ จ.ตาก กว่า 20 ปี

 

นอกจากนี้ กากแคดเมียมยังมีจำนวนกว่า 300,000 ตันที่ถูกฝังอยู่ใน จ.ตาก ในพื้นที่ 2,000 ไร่ ขณะที่ส่วนอื่นทะลักไปอยู่ในเขตพื้นที่ จ.ระยอง ซึ่งตนก็ได้เรียนแจ้งต่อ น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ แล้วว่าที่ จ.ระยอง ก็มีการร้องเรียนมายังตนว่าแคดเมียมตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ฝังอยู่ใน จ.ระยอง และมีการขนย้ายในช่วงกลางคืน

 

ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ มันเริ่มต้นโดยบริษัทเอกชนและบริษัทเอกชนที่มีการซื้อขายกัน ตันละ 1,200 บาท แต่เมื่อสองหน่วยงานเอกชนซื้อขายกัน ตนมองว่านอกจากอุตสาหกรรมจังหวัดหรือหน่วยงานรัฐใน จ.ตาก จะต้องรู้เรื่องการบรรทุกขนย้ายกากแคดเมียมมาที่ จ.สมุทรสาคร กทม. และชลบุรี ก็ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ต้องร่วมรับผิดชอบความปลอดภัยของประชาชน

 

ตนเห็นว่าวันนี้สถานการณ์ของกากแคดเมียมไปทำให้อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมและข้าราชการบางส่วนเดือดร้อน ทั้ง ๆ ที่เป็นการกระทำความผิดของบริษัทเอกชน แล้วนำมาสู่การตรวจสอบ ตนจึงต้องร้องเรียนขอให้ดีเอสไอตรวจสอบหลายหน่วยงานที่ร่วมกันกระทำความผิด และให้ไปดูว่ามีกากแคดเมียมกระจายอยู่ที่ไหนอย่างไรบ้าง จะได้ไปจัดการให้หมด

 

นายสนธิญา กล่าวต่อว่า ทางดีเอสไอได้แจ้งว่าได้มีการตั้งเลขสืบสวนในเรื่องกากแคดเมียมไว้แล้ว แต่จุดประสงค์ของตน คือ 1.เรียกร้องให้มีการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจังหวัดตาก อุตสาหกรรมจังหวัดตาก ผู้บริหารจังหวัด ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น หรือผู้อนุญาตให้มีการขุดกากแคดเมียม หรือกรมทางหลวงที่ปล่อยให้มีการขนส่งไม่ต่ำกว่า 500 เที่ยวมาถึงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร กทม. และชลบุรี ส่วนใน กทม. จริงหรือไม่ที่มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมีนามสกุลเดียวกับ ส.ก. พรรคการเมืองหนึ่ง (พรรคก้าวไกล) ตรงนี้ดีเอสไอต้องไปสืบเสาะ

 

ส่วนประเด็นที่ 2 ในกรณีที่บริษัทเอกชนมีการซื้อขายกากแคดเมียมระหว่างกันเอง การซื้อขายเป็นกระบวนการที่กระทำผิดมูลฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 (มาตรา 3) และความผิดมูลฐานข้อที่ 15 ตนจึงขอให้ดีเอสไอตรวจสอบและยึดทรัพย์สิน และดำเนินคดีกับพฤติการณ์ในลักษณะนี้ ประเด็นที่ 3 ขอให้ตรวจสอบพื้นที่หนึ่งในจังหวัดระยองที่มีการขนถ่ายสารพิษเหล่านี้ เพราะตนได้รับทราบว่ามีจำนวนกว่าแสนตันที่ฝังอยู่ เพื่อดูว่าเป็นกากแคดเมียมหรือไม่ แต่มีการขนย้ายในช่วงกลางคืนเกือบทุกคืน

 

ทั้งนี้ ตนยื่นข้อมูลทั้งหมดให้ดีเอสไอโดยประสงค์ขอเป็นโจทก์ร่วมด้วย เพื่อให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานเอกชน การฝังกลบ และการขนย้าย เพราะมั่นใจว่ามีหลายหน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้อง อีกทั้งเชื่อว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท

 

นายสนธิญา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้มีการประกาศลาออกนั้น ตนมองว่าเป็นความประสงค์ของท่านและตนก็ยืนยันว่าสงสารข้าราชการที่ทำงานโดยที่ไม่รู้เรื่อง แต่ว่าระดับพื้นที่หรือระดับปฎิบัติการได้มีการกระทำไปแล้วจึงทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งไม่ใช่แค่อธิบดีฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรับผิดชอบในเรื่องกากแคดเมียม แต่อาจกระจายไปยังผู้รับผิดชอบรายอื่นๆ

 

โดยเฉพาะในเขตนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยองที่มีการฝังกลบไว้ส่วนหนึ่งและเมื่อมีการซื้อขายของบริษัทเอกชนระหว่างกัน แล้วมีการซื้อขายกันเป็นทอด ๆ ต่อมาเมื่อเข้าสู่การถลุงกากให้เป็นแร่ ผลประโยชน์ก็มากมายมหาศาล อย่างไรก็ตาม การลาออกของอธิบดีฯ ไม่มีนัยยะใด ท่านได้เรียนแจ้งชัดเจนว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบ เพราะท่านก็ใกล้เกษียณราชการแล้ว

 

นายสนธิญา กล่าวด้วยว่า บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ตนพบว่าผู้บริหารส่วนหนึ่งมีนามสกุลที่ไปคล้ายกับนักการเมือง ซึ่งตนจะไม่ระบุว่าเป็นนักการเมืองฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน แต่หากไปตรวจสอบก็จะทราบทันที

 

ตนจึงมองว่าการฝังกลบและการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ภาพเล็กแต่เป็นภาพมุมกว้างที่มีการกระทบและมีผลประโยชน์มหาศาล และตนจะไม่มาฟันธงว่านักการเมืองรายนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือไม่ จึงต้องขอให้ทางดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้

 

ทั้งนี้ นายสนธิญา กล่าวปิดท้ายว่า หากตนสามารถรวบรวมพยานเอกสารได้ครบถ้วน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยังสำนักงาน ปปง. เพื่อยื่นร้องขอให้มีการตรวจสอบเรื่องของการฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ข้อที่ 15 มาตรา 3 เพื่อให้ทาง ปปง. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube