ร้อง ปปง.ยึดทรัพย์ “ส.ป.ก.โคราช” ทุจริตออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินรุกป่าเขาใหญ่
“ธนดล” ที่ปรึกษากฎหมาย “ธรรมนัส” ควง “วิณะโรจน์” เลขา ส.ป.ก ร้อง ปปง. ตรวจสอบ ยึดทรัพย์ ส.ป.ก.โคราช ทุจริตออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินรุกป่ามรดกโลกเขาใหญ่
นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. เข้าพบนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อหารือกรณีตรวจสอบพบว่ามีเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือบุคคลบางคนหรือบางกลุ่ม กระทำความผิดในเขตปฎิรูปที่ดิน เช่น การลักลอบขุดดินเพื่อนำออกจำหน่าย และการใช้ประโยชน์ในที่ดินผิดวัตถุประสงค์ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อหารือแนวทางตรวจสอบทรัพย์สินและยึดทรัพย์กับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทุจริตทั้งหมด
เบื้องต้นนายธนดล ระบุว่า หน่วยงาน ส.ป.ก. ก่อตั้งมานาน 49 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็มีการตรวจสอบกระบวนการทำงานมาโดยตลอด แต่ต้องการตรวจสอบให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจต้องมีมาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยอาจใช้อำนาจการปฏิรูปที่ดิน ทำหนังสือถึงผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินก่อน ว่าจะขอเพิกถอนการจัดสรรที่ดิน แต่หากผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินไม่ยินยอม ก็อาจต้องมีวิธีที่เป็นยาแรงในการจัดการ และยาแรงที่สุดก็ต้องอาศัยอำนาจของ ปปง. ในการดำเนินการ ดังนั้นวันนี้จึงจะขอปรึกษาหารือกับเลขา ปปง. เพื่อตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ ปปง. และปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ต่อมาภายหลังการหารือ นายธนดลบอกว่า จากการที่ตนเองได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ดินซึ่งมีข้อพิพาทเรื่องโฉนด ส.ป.ก. ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก็พบความผิดปกติของเจ้าหน้าที่รัฐที่ชัดเจนแล้ว 2 ราย และเจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่รัฐที่จะต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีก 7 รายว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่
ส่วนเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรพบ 4-5 ราย จากทั้ง 3 จุดที่ได้ลงพื้นที่ และทราบตัวนายทุนแล้ว 1 ราย โดยเป็นนายทุนที่มีกำลังทรัพย์สูงมาก ไม่ได้เป็นเกษตรกร แต่กลับมีชื่อเป็นผู้ถือครองที่ดิน 1 จุด ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐานดำเนินการ และเบื้องต้นยังตรวจสอบไม่พบนักการเมือง พร้อมยืนยันว่าทางกระทรวงเกษตรฯ มีความตั้งใจที่จะหาตัวนายทุนและผู้กระทำความผิดทุกรายมาดำเนินคดี พร้อมขอเวลาเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอีกสักระยะ จะมีความชัดเจน
ด้านนายวิณะโรจน์ บอกว่าเบื้องต้นหลังการหารือกับ ปปง. พบว่า คดีนี้เข้าข่ายความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ในเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตต่อหน้าที่ และ ความผิดเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า ซึ่ง ปปง. ก็จะมีการตั้งอนุกรรมการตรวจสอบคดีนี้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท., อัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลที่ดินของรัฐ ร่วมเป็นคณะกรรมการ และจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทำงานด้วยกันโดยเร็วที่สุด ก่อนจะออกแนวทางมาบังคับใช้ ทั้งนี้จะต้องมีความผิดทั้งผู้ให้และผู้รับการจัดสรรที่ดิน
ขณะที่ทาง ส.ป.ก. เอง ก็จะต้องดูแลที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งเป็นพื้นที่ทรัพยากรธรรมชาติ ให้เป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างถูกต้อง และขับเคลื่อนการกำกับดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความชอบธรรมโปร่งใส โดยเบื้องต้น ส.ป.ก. จะจัดทำรายชื่อผู้ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ติดประกาศทุกอำเภอ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมตรวจสอบ รวมถึงจัดตั้งอนุกรรมการระดับอำเภอ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ด้วย
ขณะที่นายวิทยา นีติธรรม โฆษกสำนักงาน ปปง. ก็ยืนยันว่า การตั้งอนุกรรมการเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้นั้น ปปง. จะตรวจสอบว่าพื้นที่ใดเป็นการใช้ทรัพยากรเพื่อการค้าและเข้าข่ายความผิดบ้าง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





