ตำรวจปส. บุกทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ “บังลาย” จับตัวการใหญ่ขนเงินสดค่ายาฯซุกในสินค้าเพื่อข้ามชายแดน พบเงินหมุนกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี
ชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ปฏิบัติการทลายเครือข่ายยาเสพติด “บังลาย” เข้าค้น 27 จุด ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 10 จุด สามารถยึดทรัพย์ 100 ล้านบาท และเป้าหมายสำคัญคือบ้านหลังหนึ่ง ในตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเปิดเป็นฟิตเนส เพื่อจับกุมนายจิรภาส ลาภวัตสกุล และนางสาวสิรินาฎ ขันเมือง สองสามีภรรยาผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด หลังตำรวจมีข้อมูลว่าสามีภรรยาคู่นี้ มีหน้าที่ทำธุรกรรมทางการเงินให้กับนางสาวชุนเหว่ย แซ่ช่าย ตัวการในการนำเงินจากการค้ายาเสพติดจากประเทศไทยข้ามไปให้กับกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านโดยใช้วิธีเปิดบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัด ขายสินค้าต่างๆบังหน้า และนำเงินซุกซ่อนไปกับสินค้าเหล่านี้
จากการเข้าตรวจค้นตำรวจพบเพียงนายจิรภาส อยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง และให้การยอมรับว่านางสาวชุนเหว่ย เป็นแม่บุญธรรม และตนเป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงินให้พร้อมให้ข้อมูลว่านางสาวชุนเหว่ย อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถกลับมาได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้จากแนวทางการสืบสวนของตำรวจพบว่านางสาวชุนเหว่ย จะนำเงินสดจากการค้ายาเสพติดข้ามไปให้กับเครือข่ายของนายธวัชชัย อ้อมชมพู หรือ บังลาย พ่อค้ายาเสพติดข้ามชาติที่หลบหนีไปอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านซึ่งได้สั่งการขนยาเสพติดเฮโรอีน โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หลังจากเมื่อเดือนต.ค. 63 ตำรวจสามารถสกัดจับเฮโรอีนล็อตใหญ่ กว่า 400 กิโลกรัม มูลค่าเกือบพันล้านบาท
ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งเป้าหมายที่ตำรวจเข้าค้นบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัด ของนางสาวชุนเหว่ย พบลูกจ้างที่ถูกออกหมายจับในข้อหาสมคบคดียาเสพติด ให้การยอมรับว่า เป็นคนไปกดเงินให้กับนางสาวชุนเหว่ย ตามคำสั่งเท่านั้นและคิดว่าเป็นเงินจากการขายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเงินหมุนเวียนในบัญชี 1 พันล้านต่อปี โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีการกดเงินสดมากถึง 150 ล้านบาท ซึ่งม่สอดคล้องกับเงินจากการขายสินค้าตำรวจจึงเชื่อว่านางสาวชุนเหว่ย อาจจะเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอื่นๆอีก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
