ฎีกายกฟ้อง คดีทัวร์ศูนย์เหรียญ
ศาลฎีกายกฟ้องทัวร์ศูนย์เหรียญ ชี้ไม่ได้ประกอบธุรกิจให้เกิดความเสียหายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หรือ ไม่เป็นธรรมกับนักท่องเที่ยว
วันนี้( 3 มี.ค.) ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีทัวร์ศูนย์ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายสมเกียรติ คงเจริญ อายุ 63 ปี กก.ผจก.บริษัท ซินหยวน ทราเวล จำกัด กับพวกเป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคแรก, พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 24 มี.ค. – 31 ส.ค. 2559 ต่อเนื่องกัน บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวโดยไม่เสียค่าบริการ หรือที่เรียกว่า”ทัวร์ศูนย์เหรียญ” จากนั้นบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด จำเลยให้ใช้รถบัสจำนวน 2,500 คัน รับนักท่องเที่ยวฟรี โดยเป็นผู้กำหนดแผนการเดินทางให้มัคคุเทศก์และผู้ขับขี่นำรถไปจอดให้นักท่องเที่ยวแวะซื้อสินค้าจากร้านในเครือเดียวกับบริษัท โอเอฯ ซึ่งสินค้ามีราคาแพงกว่าท้องตลาดหลายเท่า แบ่งปันผลประโยชน์ให้บริษัททัวร์ 30-40 %ให้มัคคุเทศก์ 3-5 % มีพฤติกรรมลักษณะเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ ปกปิดวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินของนักท่องเที่ยวศูนย์เหรียญชาวจีน จนเกิดความ เสียหายมูลค่า 98 ล้านบาทเศษ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ให้ลงโทษปรับเฉพาะ จำเลยที่ 1,2 และ 13 ราย ละ 5 แสนบาท ตามพ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 มาตรา 24,82 ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ขณะที่ จำเลยที่ 1,2 และ 13 ยื่นฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาแตกต่างขัดแย้งกันในสาระสำคัญ จึงไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ไม่สามารถรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 3-12กับพวกกระทำความผิด ฐานร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวของ จำเลยที่ 1,2,13 โดยไม่ได้รับอนุญาต พยานหลักฐาน จำเลยทั้ง 13 และฎีกาของโจทก์ในรายละเอียดประการอื่นไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกายังไม่เห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1,2 และ 13 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องจำเลยที่ 1,2 และ 13 ในความผิด ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551มาตรา 24,82 ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews






