รถพร้อมไหม? 10 จุดเช็กก่อนเที่ยวปีใหม่ ดูยางรถยนต์ให้ชัวร์
เทศกาลปีใหม่วนกลับมาอีกครั้ง หลายคนเตรียมวางแผนเดินทางไกลท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนา การเตรียมรถให้พร้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันปัญหารถเสียกลางทางที่อาจทำให้ทริปสะดุด บทความนี้ จะมารวบรวมการตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ และระบบเครื่องยนต์ ให้มั่นใจได้ว่าทุกการขับขี่จะเต็มไปด้วยความปลอดภัยและถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ
ทำไมการเตรียมรถให้พร้อมก่อนเดินทางไกลถึงสำคัญ?

อุบัติเหตุช่วงเทศกาลมักเกิดจากรถไม่พร้อม ข้อมูลจาก EZY FIT ผู้ให้บริการดูแลรถยนต์ครบวงจร ได้รวบรวมเหตุผลสำคัญที่ควรเช็กรถก่อนเดินทางปีใหม่ เพื่อความปลอดภัยไว้ดังนี้
- ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน : ลดความเสี่ยงจากอาการเครื่องน็อก เบรกแตก หรือยางระเบิด ที่เกิดจากการใช้งานรถหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง
- ลดโอกาสรถเสียกลางทาง : สถิติพบว่าปัญหารถเสียบนทางหลวง มักเกิดจากการละเลยจุดสำคัญอย่างช่วงล่างและระบบระบายความร้อน
- แก้ไขปัญหาได้ทันเวลา : การเช็กล่วงหน้า 1-2 สัปดาห์ ช่วยให้มีเวลาซ่อมแซม ยืดอายุการใช้งานรถ และเดินทางได้อย่างมั่นใจไร้กังวล
เช็กลิสต์ 10 จุดสำคัญ ตรวจสภาพรถด้วยตัวเองเบื้องต้น
ก่อนออกเดินทางไกล ลองสำรวจรอบรถและเปิดฝากระโปรงเพื่อเช็กความพร้อมด้วยตัวเองกับ 10 จุดสำคัญ เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
1. ยางรถยนต์
ยางรถยนต์คือจุดสำคัญเพราะเป็นจุดที่สัมผัสพื้นถนน ก่อนล้อหมุนเดินทางไกลควรตรวจสอบความพร้อมให้ละเอียด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่ ดังนี้
- ดอกยางและร่องยาง : ต้องมีความลึกเพียงพอ ไม่โล้นจนเกือบถึงสะพานยาง เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการยึดเกาะถนนและการรีดน้ำ
- สภาพแก้มยาง : ตรวจหารอยแตกลายงา อาการบวม หรือรอยฉีกขาด หากพบความผิดปกติควรรีบเปลี่ยนยางทันทีก่อนเดินทาง
- แรงดันลมยาง : เช็กลมยางให้ได้ตามคู่มือ และแนะนำให้เติมลมเพิ่มจากปกติเล็กน้อย เพื่อรองรับน้ำหนักสัมภาระและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
2. ระบบเบรกและน้ำมันเบรก
ระบบเบรกคือความปลอดภัยของชีวิต ลองสังเกตขณะขับขี่ว่าเมื่อเหยียบเบรกแล้วมีเสียงดังผิดปกติหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกในกระปุกพัก ต้องให้อยู่ในระดับเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ต่ำกว่าขีด Min และสีของน้ำมันต้องไม่ดำคล้ำจนเกินไป หากพบความผิดปกติควรรรีบให้ช่างตรวจสอบทันที
3. ระดับน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
การตรวจสอบน้ำมันเครื่อง ทำได้โดยการดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาเช็ดและจุ่มวัดใหม่ ระดับน้ำมันควรอยู่ระหว่างขีด Max และ Min นอกจากนี้ให้สังเกตสีและความหนืด หากน้ำมันเครื่องเริ่มดำสนิทหรือข้นเหนียว แสดงว่าเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนถ่ายใหม่พร้อมไส้กรองก่อนออกเดินทาง
4. ระบบระบายความร้อน (หม้อน้ำและท่อยาง)
การขับรถทางไกลเสี่ยงต่อเครื่องยนต์ร้อนจัด หรือ Overheat ได้ง่าย ควรเช็กระดับน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำให้อยู่ในระดับที่กำหนด ตรวจสอบสภาพท่อยางต่างๆ ว่าไม่มีรอยแตกร้าว บวม หรือมีคราบน้ำซึมตามข้อต่อ รวมถึงเช็กการทำงานของพัดลมหม้อน้ำว่าหมุนแรงตามปกติหรือไม่
5. แบตเตอรี่และระบบไฟชาร์จ
เพื่อให้มั่นใจว่ารถจะสตาร์ทติดง่ายในทุกที่ที่ไป ให้ตรวจสอบสภาพขั้วแบตเตอรี่ว่าแน่นดีหรือไม่ มีคราบขี้เกลือเกาะหรือไม่ หากเป็นแบตเตอรี่แบบน้ำให้เช็กระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในเกณฑ์เสมอ หากแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานเกิน 2 ปี ควรนำไปวัดค่าไฟเพื่อดูประสิทธิภาพการเก็บประจุไฟ
6. ระบบไฟส่องสว่างรอบคัน
ระบบไฟเป็นสัญญาณสื่อสารกับเพื่อนร่วมทางที่สำคัญมาก โดยเฉพาะการเดินทางกลางคืนหรือช่วงที่มีหมอก เช็กไฟหน้า ไฟสูง-ต่ำ ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟเบรก และไฟตัดหมอก ทุกดวงต้องติดครบและมีความสว่างชัดเจน ไม่กะพริบ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการมองไม่เห็น
7. ระบบช่วงล่างและโช้คอัพ
ลองสังเกตขณะขับผ่านลูกระนาดหรือถนนขรุขระว่ามีเสียงดังกุกกักผิดปกติจากช่วงล่างหรือไม่ รถมีการทรงตัวที่ดีไหมเมื่อเข้าโค้ง และลองก้มดูที่กระบอกโช้คอัพว่ามีคราบน้ำมันรั่วซึมออกมาหรือไม่ หากช่วงล่างไม่สมบูรณ์จะส่งผลต่อการควบคุมรถโดยตรง
8. ใบปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก
ทัศนวิสัยที่ดีเป็นสิ่งจำเป็น ยางใบปัดน้ำฝนต้องไม่แข็งกรอบ ปัดแล้วต้องสะอาด ไม่มีเสียงดังครูดกับกระจก และอย่าลืมเติมน้ำในถังฉีดกระจกให้เต็ม อาจผสมน้ำยาทำความสะอาดกระจกเล็กน้อยเพื่อช่วยขจัดคราบแมลงและฝุ่นละอองระหว่างทาง
9. แผ่นกรองอากาศและระบบแอร์
อากาศภายในรถส่งผลต่อความสดชื่นของผู้ขับขี่ ลองถอดแผ่นกรองอากาศแอร์ออกมาเป่าฝุ่นหรือเปลี่ยนใหม่หากดำมาก เพื่อให้ลมแอร์เย็นฉ่ำและลดกลิ่นอับชื้น ช่วยให้บรรยากาศในการเดินทางไกลผ่อนคลายยิ่งขึ้นและลดการสะสมของเชื้อโรค
10. อุปกรณ์ฉุกเฉินและยางอะไหล่
สิ่งที่หลายคนมักลืมคือการตรวจเช็กยางอะไหล่ ต้องแน่ใจว่ายางอะไหล่มีลมยางพร้อมใช้งาน ไม่แบน รวมถึงตรวจสอบแม่แรงและเครื่องมือถอดล้อว่าอยู่ครบ นอกจากนี้ควรพกสายพ่วงแบตเตอรี่ ไฟฉาย และป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงติดรถไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินด้วย
ไม่มีเวลาเข้าอู่? “บริการเปลี่ยนยางนอกสถานที่” ทางเลือกใหม่ของคนฉลาดเลือก

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่งานรัดตัวในช่วงสิ้นปี การใช้บริการ Mobile Onsite Service ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ และถ้ากำลังมองหาผู้ให้บริการที่ไว้ใจได้ ขอแนะนำ “EZY FIT” ผู้ให้บริการเปลี่ยนยางนอกสถานที่ ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ด้วยขั้นตอนที่ง่าย สะดวกสบาย เปลี่ยนยางให้ถึงหน้าบ้านหรือที่ทำงานโดยที่ชีวิตประจำวันไม่สะดุด
จุดเด่นที่ทำให้บริการเปลี่ยนยางนอกสถานที่ของ EZY FIT แตกต่าง
- ประหยัดเวลา : ไม่ต้องขับรถไปรอคิวที่ศูนย์บริการนานนับชั่วโมง สามารถเอาเวลาอันมีค่าไปเคลียร์งานหรือเตรียมจัดกระเป๋าเที่ยวปีใหม่ได้
- จองง่าย สะดวกสบาย : สามารถจองคิวผ่านระบบออนไลน์ เลือกวันและเวลาที่สะดวก ให้รถบริการวิ่งไปดูแลถึงหน้าบ้านหรือที่ทำงาน
- มาตรฐานระดับศูนย์ : มั่นใจในคุณภาพงานซ่อม เพราะรถบริการมาพร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยและครบครัน เทียบเท่ากับการนำรถเข้าศูนย์ใหญ่
- ช่างผู้เชี่ยวชาญ : ให้บริการโดยทีมช่างมืออาชีพที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี ดูแลรถของคุณด้วยความใส่ใจ ปลอดภัย หายห่วง
- บริการครอบคลุม : ไม่ใช่แค่เปลี่ยนยาง แต่ยังดูแลเรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนโช้คอัพ เปลี่ยนแบตเตอรี่ และล้างแอร์รถแบบบไม่ถอดตู้ และตรวจเช็กสภาพเบื้องต้นให้รถคุณพร้อมลุยก่อนเดินทางไกล
สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ หรือเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไกล สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือจองคิวบริการ EZY FIT ได้ที่ไลน์ @ezyfit หรือโทร. 090-956-5566 เพื่อให้รถของคุณพร้อมลุยเที่ยวปีใหม่ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยทุกเส้นทาง
บทสรุป
การเตรียมความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทาง เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้ร่วมทาง โดยเฉพาะเรื่องของยางรถยนต์ ระบบเบรก และเครื่องยนต์ ที่ต้องทำงานหนักตลอดการเดินทางไกล การหมั่นตรวจเช็กสภาพรถด้วยตัวเอง หรือเลือกใช้บริการจากมืออาชีพ จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ลดความกังวล และสามารถดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขในเทศกาลปีใหม่ได้อย่างเต็มที่





