Home
|
ไลฟ์สไตล์

รถมีอาการร่อน เกิดจากอะไร? เช็ก 5 จุดสาเหตุหลักที่ทำให้รถเสียหลัก

Featured Image

การขับขี่รถยนต์ที่ปลอดภัย ช่วงล่างต้องมั่นคงและควบคุมได้ดั่งใจ แต่หากรถของคุณเริ่มมีอาการร่อน วิ่งไม่ตรงทาง หรือส่ายไปมาเมื่อใช้ความเร็ว อาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องปกติและเป็นสัญญาณเตือนภัยที่น่ากังวล วันนี้เราจะพาไปไขข้อข้องใจว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร และต้องรีบแก้ไขจุดไหนก่อนที่จะสายเกินไป

 อาการรถร่อน คืออะไร สัญญาณอันตรายที่คนใช้รถไม่ควรมองข้าม

อาการรถร่อนคือภาวะที่รถสูญเสียการทรงตัวในขณะขับขี่ ทำให้ผู้ขับรู้สึกเหมือนรถลอย ๆ ไม่เกาะถนน หรือพวงมาลัยเบาเกินควบคุม ทำให้บังคับทิศทางได้ยาก โดยมักจะแสดงอาการชัดเจนเมื่อใช้ความเร็วสูง หรือขับผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ ซึ่งต่างจากอาการสั่นที่พวงมาลัย อาการร่อนนี้ถือเป็นภัยเงียบที่อาจนำไปสู่การเสียหลักและอุบัติเหตุร้ายแรงได้หากไม่รีบแก้ไข

 เจาะลึก 5 สาเหตุหลักที่ทำให้รถมีอาการร่อน ควบคุมรถได้ยาก

ปัญหารถร่อนส่วนใหญ่มีต้นตอมาจากระบบช่วงล่างและยางรถยนต์ที่ทำงานไม่สัมพันธ์กัน หรือมีความเสียหายเกิดขึ้น โดยมี 5 สาเหตุหลักที่พบบ่อย ดังนี้

 1. แรงดันลมยางไม่เท่ากัน หรือยางบวม เสื่อมสภาพ แก้มยางฉีกขาด

ลมยางคือด่านแรกที่รับน้ำหนักรถ หากแรงดันลมยางทั้ง 4 ล้อไม่เท่ากัน หรือยางข้างใดข้างหนึ่งอ่อนกว่าปกติ จะทำให้รถเสียสมดุลและร่อนไปในทิศทางที่ยางอ่อน นอกจากนี้ ยางที่บวม แก้มยางฉีกขาด หรือเสื่อมสภาพจนเนื้อยางแข็งกระด้าง ก็จะทำให้หน้าสัมผัสยางไม่เกาะถนน ส่งผลให้รถมีอาการร่อนได้เช่นกัน

 2. ศูนย์ล้อผิดปกติ มุมโท-มุมแคมเบอร์เพี้ยน ทำให้รถกินซ้ายขวา

การตั้งศูนย์ล้อที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นมุมโท หรือมุมแคมเบอร์ที่เพี้ยนไปจากค่ามาตรฐาน จะทำให้ล้อรถพยายามวิ่งไปคนละทิศทาง ส่งผลให้รถวิ่งไม่ตรงทาง มีอาการกินซ้ายหรือขวา และร่อนไปมาตลอดเวลา ซึ่งต้องรีบนำรถเข้าตั้งศูนย์ใหม่ทันที

3. ลูกหมากปีกนกและคันชักหลวม เสื่อมสภาพ ส่งผลต่อการบังคับเลี้ยว

ลูกหมากปีกนกและคันชักคันส่งเปรียบเสมือนข้อต่อกระดูกของช่วงล่าง ทำหน้าที่ยึดคอม้าและดุมล้อให้เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระแต่ต้องมั่นคง หากลูกหมากหลวมหรือยางกันฝุ่นฉีกขาด จะทำให้เกิดระยะฟรีที่ล้อ ส่งผลให้ล้อขยับตัวได้เองขณะขับขี่ ทำให้รถมีอาการร่อนและพวงมาลัยไม่นิ่ง

 4. โช้คอัพรั่วหรือตาย ไม่สามารถหนึบเกาะถนน ทำให้รถโคลงเคลง

โช้คอัพมีหน้าที่หยุดการเต้นของสปริง และทำให้ล้อสัมผัสพื้นถนนตลอดเวลา หากโช้คอัพรั่วซึม หรือตาย (ไม่ยืดหยุ่น) จะทำให้รถมีอาการโคลงเคลง เด้งขึ้นลงไม่หยุดเมื่อตกหลุม และร่อนเมื่อใช้ความเร็วสูง เพราะล้อลอยจากพื้นถนนบ่อยเกินไป

 5. แร็คพวงมาลัยหลวม หรือยอยพวงมาลัยสึก ทำให้ควบคุมทิศทางยาก

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมทิศทาง หากแร็คพวงมาลัยมีระยะฟรีมากเกินไป หรือยอยพวงมาลัยสึกหรอ จะทำให้การตอบสนองของพวงมาลัยช้าลงและไม่แม่นยำ ผู้ขับขี่ต้องคอยแต่งพวงมาลัยตลอดเวลาเพื่อเลี้ยงรถให้ตรงทาง ซึ่งเป็นอาการของรถร่อนที่ชัดเจน

 แก้ปัญหารถร่อนให้หายขาด เริ่มต้นที่การตรวจเช็กช่วงล่างและยาง

เมื่อพบอาการรถร่อน ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการหรืออู่ช่วงล่างที่ได้มาตรฐานทันที เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและแก้ไขให้ตรงจุด โดยสามารถดูแลรักษาเบื้องต้นได้ ดังนี้

  • ตรวจเช็กและเติมลมยางให้เท่ากันทุกล้อตามค่ามาตรฐาน
  • นำรถเข้าตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่
  • เปลี่ยนชิ้นส่วนช่วงล่างที่ชำรุด เช่น ลูกหมาก โช้คอัพ หรือบูชยางต่าง ๆ

อาการรถร่อนไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นสัญญาณเตือนภัยที่บอกว่าช่วงล่างรถของคุณกำลังวิกฤต การหมั่นตรวจเช็กสภาพรถและเลือกใช้ยางรถยนต์ที่มีคุณภาพสูง อย่าง Pirelli ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น

สัมผัสสมรรถนะการยึดเกาะถนนที่เหนือชั้นกับยาง Pirelli ได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายยางชั้นนำทั่วประเทศ ศูนย์บริการ B-Quik และ MMS ทุกสาขา หรือช่องทางออนไลน์ Shopee และ Lazada (Pirelli by ATV) พร้อมความอุ่นใจด้วยการรับประกันยาง “บาด บวม แตก” เคลมฟรี 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร (เมื่อลงทะเบียนรับประกันภายใน 14 วัน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Pirelli by ATV

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube