เครื่องกันไฟตก ไฟกระชาก คืออะไร? สำคัญแค่ไหน ทำไมควรมีติดไว้
เราอาจคิดว่าสถานการณ์ไฟดับ ไฟตก หรือไฟกระชากเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความจริงแล้ว ความผันผวนของกระแสไฟฟ้าสร้างความเสียหายได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะในบ้านที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้น หรือในช่วงหน้าฝนที่ไฟกระชากบ่อยเป็นพิเศษ หลายคนอาจเคยเจอเหตุการณ์ทีวีจอดับกะทันหัน คอมพิวเตอร์ค้าง ตู้เย็นทำงานหนักผิดปกติ หรือ Router อินเทอร์เน็ตเสียแบบไม่รู้สาเหตุ
ส่วนใหญ่เกิดจากแรงดันไฟฟ้าไม่เสถียร แม้เครื่องใช้ไฟฟ้าจะมีระบบป้องกันในตัว แต่ก็ไม่เพียงพอถ้าเกิดไฟตกหรือไฟกระชากรุนแรง โดยเฉพาะอุปกรณ์ราคาแพงที่มีวงจรละเอียด ความเสียหายอาจมาแบบไม่ทันตั้งตัว จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เครื่องกันไฟตก ไฟกระชาก กลายเป็นอุปกรณ์ที่ควรมีไว้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด
เครื่องกันไฟตก ไฟกระชาก คืออะไร?
เครื่องกันไฟตก ไฟกระชาก คืออุปกรณ์จัดการปัญหาแรงดันไฟฟ้าไม่เสถียร เป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ไฟตกคือภาวะที่แรงดันไฟฟ้าต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น ในช่วงที่ใช้ไฟฟ้ามากๆ พร้อมกัน หรือระหว่างเกิดพายุ ทำให้แรงดันไฟลดลงฉับพลันจนเครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานผิดปกติ
ส่วนไฟกระชากคือแรงดันไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นแบบกะทันหัน เกิดจากฟ้าผ่า การรีเซตระบบไฟจากโรงไฟฟ้า หรืออุบัติเหตุที่ทำให้แรงดันไฟผิดปกติในเสี้ยววินาที ความผันผวนนี้เป็นอันตรายต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก ทีวี และเครื่องเสียง
ดังนั้น เครื่องกันไฟตก ไฟกระชาก หรือที่เรียกว่า Automatic Voltage Regulator (AVR) และ Surge Protector จึงเข้ามามีบทบาท เพราะช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ พร้อมป้องกันแรงดันไฟเกินไม่ให้เข้าอุปกรณ์ตรงๆ ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานเสถียรขึ้น ลดโอกาสเสียหาย และยังช่วยยืดอายุใช้งานในระยะยาว
ข้อดีของการมีเครื่องกันไฟตก ไฟกระชาก
เครื่องกันไฟตก ไฟกระชากถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ช่วยปกป้องอุปกรณ์แพงๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หรืออุปกรณ์สำนักงานอย่างเครื่องปริ้นเตอร์และ NAS Server ที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ละเอียดอ่อน เมื่อแรงดันไฟผิดปกติ วงจรอาจเสียหายได้ทันที แต่เครื่องกันไฟช่วยดูดซับและควบคุมแรงดันได้
นอกจากนี้ยังทำให้แรงดันไฟฟ้าเสถียรมากขึ้น ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้เต็มที่ ลดอาการไฟกระพริบหรือเครื่องดับกลางคัน เหมาะกับคนที่ทำงาน WFH หรือใช้คอมพิวเตอร์ทำงานเป็นประจำ จะช่วยให้ทำงานได้ต่อเนื่องไม่สะดุด ลดโอกาสข้อมูลสูญหายหรือระบบล่ม
อีกหนึ่งข้อดีคือช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะเมื่อได้รับแรงดันไฟคงที่และเหมาะสม จะลดภาระการทำงานหนักของมอเตอร์และวงจรภายใน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ในระยะยาว
วิธีเลือกเครื่องกันไฟตก ไฟกระชาก
ถ้าตัดสินใจซื้อเครื่องกันไฟตก ไฟกระชากแล้ว สิ่งสำคัญคือการเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน เลือกกำลังไฟ (VA / Watts) ที่เหมาะสม ตรวจสอบว่าสินค้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยากปกป้อง รวมกันมีกำลังไฟ (วัตต์) เท่าไร แล้วเลือกเครื่องกันไฟที่มีกำลังรองรับไว้เผื่อ เช่น ถ้ามีคอมพิวเตอร์ ตู้เย็น ทีวี พร้อมกัน อาจเลือกเครื่องที่มีกำลังสูงกว่าจำนวนวัตต์รวมเผื่อไว้สัก 20 – 30% และดูจำนวนปลั๊กและพอร์ตที่รองรับ ถ้ามีอุปกรณ์หลายชิ้น ให้เลือกเครื่องที่มีปลั๊กหลายช่อง หรือมีพอร์ตหลายแบบ เช่น ปลั๊กสามขา ปลั๊กแบน เพื่อให้เสียบอุปกรณ์ได้ครบทั้งหมดโดยไม่ต้องใช้ปลั๊กซ้อน
เลือกจากคุณภาพและแบรนด์ที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานรับรอง และมีระบบป้องกันหลายชั้น เช่น ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อไฟเกิน หรือ Surge Protection ที่มีประสิทธิภาพ และดูฟีเจอร์พิเศษที่จำเป็น ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ หรืออุปกรณ์สำคัญ ให้เลือกที่มีระบบควบคุมแรงดันอัจฉริยะ (AVR) ระบบกรองไฟ (Noise Filter) ระบบป้องกันไฟกระชาก (Surge Guard) และระบบตัดไฟอัตโนมัติ
แล้วอย่าลืมเผื่อการใช้งานในอนาคต เพราะอาจเพิ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าใหม่ๆ หลังจากนี้ ควรเผื่อขนาดและจำนวนปลั๊กให้รองรับการขยาย การเลือกให้ถูกประเภทและเหมาะกับการใช้งานจริงจะช่วยให้มั่นใจว่า เครื่องกันไฟตก ไฟกระชากที่ซื้อไปจะคุ้มค่า ใช้งานได้ยาว และปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าได้จริงนั่นเอง
ปัญหาไฟตก ไฟกระชาก เป็นสถานการณ์ที่เกิดได้บ่อย ควบคุมได้ยาก และผลกระทบกก็รุนแรงกว่าที่คิด ทั้งทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานผิดปกติ อายุสั้นลง หรืออาจเสียหายจนต้องซ่อมแพง การมีเครื่องกันไฟตก ไฟกระชากจึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้ระบบไฟฟ้าเสถียรขึ้น ลดความเสี่ยงเรื่องอุปกรณ์พัง และทำให้ใช้งานไฟฟ้าได้ปลอดภัยและมั่นใจในทุกวัน ถ้าอยากได้เครื่องกันไฟตก ไฟกระชากที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และทนทาน Chuphotic มีตัวเลือกหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งาน พร้อมระบบป้องกันแรงดันไฟหลายชั้นที่ช่วยดูแลอุปกรณ์ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ





