Home
|
ไลฟ์สไตล์

เช็กลิสต์! โรงงานผลิตเซรั่มที่ดี มีอะไรบ้าง? ให้ได้คุณภาพและผ่านมาตรฐาน

Featured Image

การจะเริ่มต้น “ทำแบรนด์เซรั่ม” ซักแบรนด์ เชื่อว่าหลายคนรู้สึกทั้งตื่นเต้น ทั้งกังวลไปพร้อม ๆ กัน บางคนอาจมีไอเดียในหัวแล้วว่าอยากได้เซรั่มใส ๆ บูสต์ผิวเด้ง บางคนอยากได้สูตรที่ช่วยลดสิวแบบอ่อนโยน หรือบางคนอยากปั้นสูตรที่ กลุ่มผิวแพ้ง่ายใช้ได้จริง ไม่ว่าคุณกำลังจะสร้างเซรั่มแบบไหน สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การเลือกโรงงานผลิตเซรั่มที่ได้มาตรฐานและไว้วางใจได้ เพราะสินค้าดี เท่ากับโอกาสขายดี ดังนั้นรากฐานของสินค้าดี ก็เริ่มจากโรงงานที่ดีด้วยเช่นกัน

 

 ทำไมการเลือกโรงงานผลิตเซรั่มที่ได้มาตรฐานถึงสำคัญ

หลายคนอยากเริ่มต้นแบรนด์ แต่ยังไม่รู้ว่าการเลือกโรงงานมีผลอะไรกับคุณบ้าง

จริง ๆ แล้วผลกระทบเยอะมาก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น

สินค้าคุณภาพดีตั้งแต่ชุดแรก

สูตรที่เสถียร ไม่แยกชั้นง่าย กลิ่นไม่เพี้ยน สีไม่เปลี่ยน และให้ผลจริงกับผิวคนใช้

ความปลอดภัยคือหัวใจ

เซรั่มเป็นผลิตภัณฑ์ทาบนผิวหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่บอบบางที่สุด ดังนั้นคควรเลือกโรงงานมาตรฐานจะควบคุมการผลิตอย่างดี และเลือกวัตถุดิบปลอดภัย

มีเอกสารครบ พร้อมขึ้นทะเบียนได้ทันที

เอกสารที่จำเป็น ได้แก่ เอกสารการันตีคุณภาพ มาตรฐานต่าง ๆ เช่น COA, MSDS, ใบรับรองมาตรฐานต่าง ๆ รวมถึงการยื่น อย. 

ขายง่ายขึ้น

ถ้าสินค้าดีจริง รีวิวจะเกิดเอง ลูกค้าจะบอกต่อ และนี่คือกำไรของคนทำแบรนด์ที่สุดเลยล่ะ

 

เช็กมาตรฐานโรงงานผลิตเซรั่มที่ดีต้องมีอะไรบ้าง?

อย่าเลือกโรงงานเพราะราคา “ถูกที่สุด” นะ ให้เลือกโรงงานที่ “ความคุ้มค่า และมีมาตรฐานครบถ้วน” แทนดีกว่า ดังนั้นสิ่งที่ควรตรวจสอบ และต้องมีเลย ได้แก่

มาตรฐาน GMP / ISO อย่างเป็นทางการ

การผลิตถูกสุขลักษณะ มีระบบควบคุมคุณภาพช่วยลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน

ห้องปฏิบัติการ R&D พร้อมทีมวิจัยจริง

เพราะสูตรดีไม่ได้เกิดจากการผสมของหอม ๆ ลงไปเท่านั้น แต่เกิดจากการวิจัย ทดลอง และปรับซ้ำหลายรอบจนกว่าจะลงตัว

ตรวจสอบบรรยากาศในโรงงาน

มีมาตรการ ควบคุมฝุ่นควบคุมอุณหภูมิ มีระบบฟอกอากาศ และพื้นที่แบ่งแยกชัดเจน

มีประสบการณ์ผลิตเซรั่ม/สกินแคร์มาก่อน

ไม่ใช่แค่รับผลิตทุกอย่าง แต่ต้องมีความชำนาญด้านเซรั่มโดยเฉพาะ เพราะเนื้อเซรั่มมักมีความอ่อนไหว ต้องทดสอบเสถียรภาพมากกว่าครีมทั่วไป

 

บริการ One-Stop Service ของโรงงานผลิตเซรั่มมีอะไรบ้าง?

สำหรับคนเริ่มต้นใหม่ บริการแบบ One-Stop Service ช่วยเซฟเวลาและลดความปวดหัวได้เยอะมาก ดังนั้นโดยทั่วไปโรงงานผลิตเซรั่มมาตรฐานจะมีบริการเหล่านี้

 

คิดและพัฒนาสูตรเฉพาะ (R&D)

คุณสามารถบอกโจทย์ได้ เช่น บูสต์ผิวโกลว์ เซรั่มลดสิว เน้นเรื่องผิวแพ้ง่าย เซรั่มเพิ่มความกระจ่างใส หรือเจาะกลุ่มวัยทำงานที่ต้องดูแลและลดริ้วรอยเป็นพิเศษ แล้วทีมวิจัยจะช่วยออกแบบสูตรให้ตรงเป้าหมาย

 

ออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging

เช่น ขวดแก้ว ขวดดรอปเปอร์ หัวปั๊ม สีฉลาก ความมินิมอล ความหรู ฯลฯ

 

ขึ้นทะเบียน อย. ให้เรียบร้อย

คุณไม่ต้องยื่นเอง เพราะทางโรงงานเซรั่มหลายแห่งมีบริการนี้ให้แล้ว 

 

ผลิต – บรรจุ – QC – ส่งมอบสินค้า

เมื่อรับของเสร็จ ทางโรงงานจะส่งมอบสินค้าที่พร้อมขายได้เลย

 

สารสกัดยอดนิยมที่ใช้ในเซรั่ม และประโยชน์ที่แตกต่างกัน

อยากได้สูตรเซรั่มดี ๆ ทันสมัย ต้องรู้จักสารสำคัญที่กำลังเป็นเทรนด์ด้วยนะ ลองมาดูนี่ก่อนเลย เพราะคือสารที่โรงงานที่ดีจะช่วยแนะนำปริมาณที่เหมาะสม ไม่ใส่เกินจนระคายเคือง และไม่ใส่น้อยจนไม่เห็นผล

Hyaluronic Acid (HA)

เติมน้ำให้ผิวอิ่มฟู ดูเด้งทันที พร้อมช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้นานขึ้น ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ไม่แต่งหน้าลอกเป็นขุย เนื้อเซรั่มที่มี HA มักซึมไวและใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่ายก็ยังรอด

Niacinamide (วิตามิน B3)

ลดรอย ลดความมัน กระจ่างใสแบบอ่อนโยน แถมยังช่วยปรับสมดุลต่อมไขมัน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เหมาะมากกับคนที่อยากได้สูตรใช้ทุกวันโดยไม่ระคายเคือง

Vitamin C & Derivatives

ผิวสดใส สีผิวสม่ำเสมอ กระตุ้นคอลลาเจน รุ่นอนุพันธ์ (Derivatives) จะอ่อนโยนกว่าแบบเพียว เหมาะกับการทำสูตรที่ต้องการความเสถียร ไม่เปลี่ยนสีง่าย ช่วยให้ผิวดูสดใสและแต่งหน้าติดขึ้น

Centella Asiatica (ใบบัวบก)

ลดผิวอักเสบ สิวแดง สิวอุดตัน ใช้ได้แม้ผิวแพ้ง่าย เพราะมีสาร Madecassoside และ Asiaticoside ที่ช่วยสมานผิวได้ดีมาก เหมาะทั้งวัยรุ่นและผิวผู้ใหญ่ที่มีปัญหาสิว

Peptide Complex

ลดริ้วรอย ช่วยผิวแข็งแรงขึ้น โดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแน่น กระชับ และดูเด็กขึ้น ถ้าคุณอยากได้เซรั่ม Anti-Aging แบบทันสมัย โรงงานมักแนะนำให้เลือกเปปไทด์หลายชนิดผสมกัน

Ceramide

ล็อกความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวให้กักเก็บน้ำ (Skin Barrier)ได้แน่นขึ้น ช่วยลดผิวแห้ง ลอก หรือแพ้ง่ายได้ดีมาก ยิ่งถ้าใช้คู่กับ HA จะยิ่งเห็นผลไว เหมาะสุดสำหรับสูตรเซรั่มที่เน้นผิวสุขภาพดีในทุกวัน

 

ขั้นตอนผลิตเซรั่ม ตั้งแต่การคิดสูตรจนออกสู่ตลาด

การผลิตเซรั่มไม่ได้ทำเสร็จภายในวันเดียว ต้องมีหลายขั้นตอนเพื่อให้ได้สูตรที่ดี ใช้แล้วเห็นผลและปลอดภัยจริง

บรีฟโจทย์

บอกความต้องการ เช่น เนื้อสัมผัสอยากให้บางเบา/เข้มข้น, กลิ่น,กลุ่มเป้าหมายหรือประเภทผิว และต้องมองถึงปัญหาที่ต้องการแก้ หรือการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น

ทีม R&D พัฒนาสูตร

หลังรับบรีฟ ทีมจะคัดสารที่เหมาะสม มิกซ์สูตรให้ตรงกับโจทย์ และส่ง Tester มาให้ลองใช้จริง เพื่อดูความรู้สึกบนผิว

ปรับสูตร

อาจต้องปรับหลายรอบ เช่น เพิ่มสารให้แรงขึ้น ลดความเหนอะ เพิ่มความซึมไว หรือปรับกลิ่นให้ละมุนขึ้น เพื่อให้ได้สูตรที่ลงตัวที่สุด

ทดสอบเสถียรภาพ (Stability Test)

ตรวจว่าผลิตภัณฑ์ไม่แยกชั้น สีไม่เปลี่ยนง่าย เนื้อไม่เสียเมื่อเจอความร้อนหรืออุณหภูมิแปรปรวนอย่างบ้านเรา ให้มั่นใจว่าสูตรอยู่ในสภาพดีแม้เก็บไว้นาน

ยื่น อย.

ขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัยจริง

สั่งผลิตจริง

โรงงานเริ่มผลิตตามสูตรที่อนุมัติ บรรจุในแพ็กเกจที่เลือก พร้อม QC ทุกขั้นตอนตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงสินค้าสำเร็จรูป

ส่งมอบสินค้า

พร้อมวางขายออนไลน์ หน้าร้าน หรือยิงแอดได้ทันที สเต็ปสุดท้ายก่อนปั้นแบรนด์ให้ปังต่อไป

 

MOQ และงบประมาณเริ่มต้นในการผลิตเซรั่ม

โรงงานส่วนใหญ่จะกำหนด MOQ 300–1,000 ชิ้น ปริมาณการสั่งจะมีผลต่อ “ราคาต่อชิ้น” โดยตรง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาต่างกัน มีดังนี้

  • วัตถุดิบที่เลือกใช้ อย่างพวกแบรนด์นำเข้าสารสกัดต่าง ๆ จะราคาแพงกว่า
  • ความซับซ้อนของสูตร
  • บรรจุภัณฑ์ เช่น ขวดแก้วราคาจะสูงกว่าพลาสติก
  • ปริมาณการสั่งผลิต
  • ค่าออกแบบฉลาก
  • ค่าอย. และตรวจสอบความปลอดภัย

 

โดยรวมแล้ว งบเริ่มต้นทำแบรนด์เซรั่มแบบจริงจัง ประมาณ 50,000–150,000 บาท (ขึ้นกับที่เลือก)

 

เคล็ดลับเลือกโรงงานผลิตเซรั่มให้เหมาะกับแบรนด์ของคุณ

ถ้าจะเริ่มทำแบรนด์เองจริง ๆ ต้องดู 4 อย่างนี้เลย จะได้ไม่พลาดตั้งแต่ต้น

1.ดูความเป็นมืออาชีพของทีม R&D

เพราะสูตรดีเท่ากับโอกาสรีวิวจากลูกค้าดี ทีม R&D ต้องช่วยแนะนำสารสำคัญแบบเข้าใจง่าย บอกได้ว่าควรใส่อะไรเท่าไหร่ให้เห็นผลและไม่ระคายเคือง

2.ลองขอตัวอย่าง Tester ก่อน

ลองทาบนหน้า 3-7 วัน ถ้าฟีลลิ่งดี ไม่แพ้ แปลว่าสูตรนี้ยืนระยะพัฒนาได้อีกนาน

3.ดูรีวิวหรือผลงานเก่า

ช่วยเช็กความน่าเชื่อถือได้ดีมาก ยิ่งมีผลงานหลายแนวหรือทำให้หลายแบรนด์ดัง ยิ่งสบายใจว่ามือถึงจริง

4.โรงงานต้องอธิบายทุกอย่างได้

เช่น ทำไมต้องใส่สารนี้เปอร์เซ็นต์เท่านี้ ทำไมเนื้อนี้ดีกว่าเนื้อนั้น โรงงานที่ดีจะเปิดเผยข้อมูลและให้คำปรึกษาแบบตรงไปตรงมา 

 

OEM / ODM ต่างกันยังไง? เลือกแบบไหนดีสำหรับมือใหม่

OEM (Original Equipment Manufacturer)

โรงงานผลิตตามสูตรที่คุณมีอยู่แล้ว เหมาะกับคนที่มีไอเดียชัด มีสูตรหรือ Reference มาให้โรงงานทำตาม เปรียบเหมือน มีสูตรพร้อม เหลือแค่ให้โรงงานผลิตให้แบบเป๊ะ ๆ

ODM  (Original Design Manufacturer)

โรงงานช่วยคิดสูตรใหม่ให้ตั้งแต่ต้น เหมาะกับมือใหม่หรือคนที่ยังไม่มีสูตรในใจ อยากให้ทีม R&D ช่วยออกแบบให้ตามปัญหาผิวหรือคอนเซปต์แบรนด์ เป็นแบบ ยื่นไอเดีย แล้วโรงงานช่วยเนรมิตสูตรให้เลย

 

เอกสารความปลอดภัยที่ดีควรมี

เวลาเราผลิตเซรั่มกับโรงงานมาตรฐาน เอกสารพวกนี้สำคัญมากนะ เพราะช่วยยืนยันความปลอดภัยและคุณภาพแบบโปร ๆ

COA (Certificate of Analysis)

ยืนยันคุณภาพสารแต่ละชนิด ว่าตรงตามสเปก ไม่มีการปนเปื้อน และสามารถใช้ในสูตรได้อย่างมั่นใจ

MSDS (Material Safety Data Sheet)

ข้อมูลความปลอดภัยของวัตถุดิบ เช่น วิธีจัดเก็บ การขนส่ง และความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อให้ใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

ใบรับรอง อย.

ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัย ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถวางขายได้แบบสบายใจ ไม่ต้องลุ้นทีหลัง

การทดสอบการระคายเคือง (Irritation Test)

กรณีเป็นสูตรอ่อนโยนควรขอไว้ ช่วยยืนยันว่าใช้บนผิวจริงแล้วไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองง่าย

Stability Test

ทดสอบความเสถียรของสูตรภายใต้อุณหภูมิต่าง ๆ เช่น ร้อน เย็น หรือเก็บนาน ๆ เพื่อดูว่าสี กลิ่น เนื้อ ไม่เปลี่ยนไปง่าย ยิ่งมีผลทดสอบครบเท่าไหร่ แบรนด์ของคุณยิ่งน่าเชื่อถือขึ้น

 

สรุป อยากมีแบรนด์เซรั่มให้ไปได้สวย เริ่มจากโรงงานที่มีมาตรฐานคือหัวใจสำคัญ

การจะสร้างแบรนด์สกินแคร์ให้เติบโตไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำแบบรีบ ๆ เช่นกัน เพราะความปลอดภัย และ คุณภาพสินค้า คือสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญที่สุดเสมอ และทั้งหมดนี้ริ่มต้นจากการเลือก “โรงงานผลิตเซรั่มที่ได้มาตรฐาน ดูแลดี และสื่อสารอย่างจริงใจ” เพราะเมื่อคุณมีพาร์ทเนอร์ที่ดี สินค้าคุณภาพก็จะดีตาม ลูกค้าก็จะรักแบรนด์ในระยะยาว และธุรกิจก็มีโอกาสเติบโตแบบมั่นคง

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube