Home
|
ไลฟ์สไตล์

ฝ้าเลือด เลือกรักษาด้วยเลเซอร์แบบไหน ปลอดภัย อ่อนโยนต่อผิว

Featured Image

ทำเลเซอร์แล้วเป็นฝ้าหนักกว่าเดิม เชื่อว่าประโยคแบบนี้หลายคนคงเคยได้ยินจนไม่กล้าที่จะทำเลเซอร์อีกเลย โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องของฝ้าเลือดที่ดูรักษายากและมักเป็นซ้ำอยู่เรื่อย ๆ ยิ่งรักษาด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม อาจกลายเป็นฝ้าดื้อ ฝ้าลึก หรือรอยแดงถาวรได้

แต่ในความจริงแล้ว ฝ้าเลือดสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ แต่ต้องใช้วิธีที่เข้าใจโครงสร้างผิวและเลือกเทคโนโลยีเลเซอร์ที่อ่อนโยนต่อเส้นเลือดและผิวชั้นลึก เพราะฉะนั้นเราควรเลือกเลเซอร์แบบไหนถึงจะปลอดภัย เห็นผล และไม่กระตุ้นให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้นกว่าเดิม

ทำความเข้าใจ ฝ้าเลือด คืออะไร

ฝ้าเลือด (Vascular Melasma) เป็นภาวะที่เกิดจากการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังร่วมกับการสร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ส่งผลให้ใบหน้าดูคล้ำ แดง หรืออมม่วง โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก และข้างจมูก

มีความแตกต่างจากฝ้าทั่วไปที่เกิดจากเม็ดสีเพียงอย่างเดียว อีกทั้งฝ้าเลือดยังมีปัจจัยเรื่องการอักเสบของเส้นเลือดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้รักษายากกว่าและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายกว่าเช่นกัน

ลักษณะของฝ้าเลือดที่สังเกตได้คือ

  • สีของฝ้าออกแดงหรือน้ำตาลอมม่วง
  • ผิวดูบางและเห็นเส้นเลือดฝอยชัด
  • มักมีความรู้สึกแสบหรือไวต่อแดดมากกว่าปกติ
  • บางคนอาจมีฝ้าสีน้ำตาลซ้อนอยู่ด้วยหรือที่เรียกว่าฝ้าผสม

ฝ้าเลือด มีสาเหตุเกิดจากอะไร

ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าเลือดไม่ได้มาจากปัจจัยเดียว แต่เกิดจากหลายสาเหตุร่วมกันที่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดและการอักเสบของผิวได้ เช่น

  • รังสี UV และแสงสีฟ้า (Blue Light)

แสงแดดและแสงจากหน้าจอเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ผิวเกิดอนุมูลอิสระ เส้นเลือดฝอยขยาย และเซลล์ผิวสร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น

  • ความไม่สมดุลของฮอร์โมน

โดยเป็นสาเหตุที่พบมากในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ใช้ยาคุมกำเนิด หรืออยู่ในช่วงวัยทอง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน

  • พันธุกรรม

สำหรับใครที่คนในครอบครัวมีแนวโน้มเป็นฝ้า หรือผิวจะมีความไวต่อแสงมากกว่าปกติ ผิวก็จะเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าด้วย

  • การใช้ครีมหรือยาที่มีสเตียรอยด์หรือกรดแรงเกินไป

เนื่องจากการใช้ครีมหรือยาประเภทนี้จะทำให้ผิวบางลง เห็นเส้นเลือดใต้ผิวชัดขึ้น จนเกิดเป็นการอักเสบและเกิดฝ้าเลือดได้ง่าย

  • ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

เมื่อร่างกายเกิดความเครียดจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมามากขึ้น ซึ่งไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบใต้ผิวและรบกวนสมดุลของเม็ดสีได้

  • พฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม

โดยส่วนมากแล้วก็จะเป็นพฤติกรรมที่เราเผลอทำซ้ำ ๆ โดยไม่รู้ตัว เช่น ไม่ทาครีมกันแดดเป็นประจำ หรือขัดผิวแรงเกินไป จนทำให้เกิดการระคายเคืองซ้ำ ๆ นั่นเอง

 

ฝ้าเลือด ทำไมถึงรักษายากกว่าฝ้าทั่วไป

สาเหตุที่ทำให้ฝ้าเลือดมีการรักษายากกว่าฝ้าทั่วไป เพราะมันไม่ได้มีแค่เม็ดสีเมลานินที่ต้องจัดการ แต่ยังมีเส้นเลือดใต้ผิวที่เกิดการอักเสบและขยายตัวร่วมด้วย นอกจากนี้คนที่มีฝ้าเลือดยังมักมีผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย ไวต่อแสง ซึ่งทำให้ไม่สามารถใช้วิธีการรักษาที่รุนแรง เช่น เลเซอร์พลังงานสูงหรือการผลัดผิวแรง ๆ ได้เหมือนฝ้าทั่วไป 

ถ้าเกิดรับการรักษาด้วยเลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ตั้งค่าพลังงานแรงเกินไป ก็จะทำให้เส้นเลือดขยายตัวมากขึ้น เกิดรอยแดง และฝ้ากลับมาเข้มกว่าเดิม กลายเป็นสิ่งที่หลายคนเรียกว่าฝ้าดื้อเลเซอร์ นั่นเอง

 

ฝ้าเลือด ยิ่งเลเซอร์ยิ่งเป็นจริงหรือไม่

สำหรับที่หลายคนชอบบอกว่ายิ่งทำเลเซอร์ยิ่งเป็นฝ้า ก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนจริงแต่ขอให้เข้าใจว่าเป็นในกรณีที่เลือกเครื่องเลเซอร์หรือใช้พลังงานไม่เหมาะกับผิว การที่เลเซอร์บางชนิดที่เน้นการทำลายเม็ดสีโดยตรง เช่น Q-Switched ที่พลังงานสูง ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบในผิวและกระตุ้นเส้นเลือดให้ขยายตัว ส่งผลให้ฝ้าแดงหรือฝ้าเลือดเด่นชัดขึ้นชั่วคราวได้

 

แต่ถ้าเราเลือกรักษาด้วยเลเซอร์ที่เน้นฟื้นฟูผิว ลดการอักเสบ และปรับสมดุลของเส้นเลือดใต้ผิว เช่น เลเซอร์พลังงานต่ำหรือเลเซอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อฝ้าเลือด ผลลัพธ์จะตรงกันข้าม คือฝ้าจางลง ผิวดูสุขภาพดีขึ้น และโอกาสกลับมาเป็นซ้ำลดลงได้ ดังนั้น เลเซอร์ไม่ใช่ตัวร้ายแต่ต้องเลือกให้ถูกเครื่องและถูกวิธีด้วย

 

ฝ้าเลือด เหมาะกับการเลือกรักษาด้วยเลเซอร์แบบไหน

การที่จะเลือกรักษาด้วยเลเซอร์ให้เหมาะกับฝ้าเลือดจะต้องเป็นเลเซอร์ที่ทำงานกับเม็ดสีและเส้นเลือดได้พร้อมกันโดยไม่กระทบต่อผิวชั้นบนมากเกินไป อย่างเช่น

  • Vbeam laser

เป็นเลเซอร์ที่เหมาะกับฝ้าเลือดที่มีรอยแดงหรือเห็นเส้นเลือดฝอยชัด โดยเลเซอร์ชนิดนี้จะทำงานกับหลอดเลือดฝอยโดยตรง ส่งผลให้ช่วยยุบและลดการมองเห็นของเส้นเลือดและรอยแดงโดยไม่ทำลายชั้นผิวด้านบนมากจนเกินไป ผลข้างเคียงไม่เยอะและควบคุมพลังงานได้แม่นยำ แต่ต้องเลือกใช้พลังงานและพัลส์ที่เหมาะสมเพื่อลดการบวม เขียว ช้ำ ชั่วคราว

  • Pico Laser

โดยการใช้ Pico Laser จะถูกใช้ในโหมดอ่อนโยน (Laser Toning แบบพลังงานต่ำ) เหมาะกับคนที่มีฝ้าผสม มีผิวเอเชียหรือผิวคล้ำง่าย ซึ่งเลเซอร์ชนิดนี้ให้พลังงานแบบสั้นและกระจาย ทำให้เม็ดสีแตกตัวโดยไม่สร้างความร้อนสะสมมาก ลดความเสี่ยงผิวระคายเคืองหรือเกิดฝ้าหลังการอักเสบในภายหลัง

  • IPL หรือ Intense Pulsed Light

โดย IPL จะถูกนำมาใช้เพื่อรักษาในส่วนของเส้นเลือดและเม็ดสี แต่ต้องระมัดระวังการตั้งค่าพลังงาน เพราะ IPL มีช่วงความยาวคลื่นที่ค่อนข้างกว้าง อาจกระตุ้นผิวให้มีการอักเสบมากขึ้นหากใช้แรงเกินไป

ซึ่งส่วนมากแล้วแพทย์มักจะเลือกวิธีการรักษาแบบผสมผสานหลายเทคนิค เช่น ทำเลเซอร์ร่วมกับทรีตเมนต์ลดการอักเสบ หรือใช้วิตามินกลุ่ม Brightening เพื่อเสริมผลการรักษาให้ดียิ่งขึ้นด้วย

 

ฝ้าเลือด ก่อนเลือกทำเลเซอร์ต้องประเมินอะไรบ้าง

ก่อนทำเลเซอร์รักษาฝ้าเลือด แพทย์จะต้องประเมินอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งการประเมินจะต้องครอบคลุมหลายด้าน เช่น

  • ตรวจลักษณะของฝ้าว่าเป็นสีน้ำตาล แดง หรือผสม
  • ตรวจสภาพผิว ความหนาของผิว และความไวต่อแสง
  • เช็กประวัติการใช้ครีมหรือการทำเลเซอร์ที่เคยทำมาก่อน
  • สอบถามถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ทำงานกลางแดดเป็นประจำหรือไม่
  • สอบถามถึงปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮอร์โมน หรือภาวะความเครียดเรื้อรัง

ในบางกรณีแพทย์อาจให้ผู้เข้ารับการรักษาฝ้าเลือดเตรียมผิวก่อนทำเลเซอร์ เช่น ใช้ครีมลดการอักเสบ งดการใช้วิตามินซีหรือยากลุ่มไวท์เทนนิ่งอ่อน ๆ เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นและลดโอกาสผิวไวต่อแสงหลังทำด้วย

 

ฝ้าเลือด ดูแลหลังทำเลเซอร์ยังไงไม่ให้เป็นซ้ำ

การดูแลผิวหลังรักษาฝ้าเลือดด้วยเลเซอร์ถือเป็นสิ่งสำคัญของการรักษาฝ้าเลือดให้ได้ผลในระยะยาว โดยแนวทางการดูแลผิวหลังทำเลเซอร์ มีดังนี้

  • ควรป้องกันผิวจากแสงแดดอย่างจริงจัง หมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ ขึ้นไป และหลีกเลี่ยงแดดจัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์แรก
  • หลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือเซรั่มที่มีกรดแรง เช่น AHA, BHA, Retinol เพราะอาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคือง
  • เน้นบำรุงผิวให้แข็งแรงด้วยการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ ไฮยาลูรอนิก หรือวิตามินบี 5 เพื่อซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว
  • นอนหลับให้เพียงพอเพื่อลดความเครียด เพราะความเครียดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฝ้าเลือดกลับมาเป็นซ้ำได้
  • ติดตามผลการรักษาฝ้าเลือดกับแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับแผนการรักษาให้เหมาะกับผิวในแต่ละช่วง

 

สรุป

ฝ้าเลือด เป็นปัญหาผิวที่ต้องการการรักษาอย่างละเอียดอ่อนและมีความเฉพาะทางสูง เพราะมีทั้งปัญหาเรื่องเม็ดสีและเส้นเลือดใต้ผิวร่วมกัน การเลือกรักษาด้วยเลเซอร์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เราต้องอย่ามองว่าเลเซอร์ทุกชนิดต่างก็เหมือน ๆ กันหมอ เพราะฝ้าเลือดต้องใช้เทคโนโลยีที่ อ่อนโยน ปลอดภัย และเน้นฟื้นฟูผิวจากภายในมากกว่าการทำลายเม็ดสีเพียงอย่างเดียว การรักษาฝ้าเลือดที่ถูกวิธีจะไม่เพียงช่วยให้รอยจางลง แต่ยังคืนความแข็งแรงและความมั่นใจให้กับผิวของเราได้ในระยะยาวด้วย

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube