รู้จักการฉีดวิตามินผิวขาว อันตรายไหม ทำไมบางคนฉีดแล้วไม่เห็นผล
เชื่อว่าหลายคนอยากดูแลผิวตัวเองให้ขาวกระจ่างใส แต่การทาครีมหรือทานอาหารเสริมอาจเห็นผลไม่ทันใจ การฉีดวิตามินผิวขาวจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมทำกัน เพราะพบว่าให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการฉีดวิตามินผิวขาวนั้นมีหลักการทำงานอย่างไร สาเหตุอะไรบ้างที่ทำแล้วจะไม่เห็นผล รวมไปถึงข้อควรระวัง เพื่อให้เราสามารถตัดสินใจเลือกทำได้อย่างมั่นใจ
ฉีดวิตามินผิวขาว คืออะไร
การฉีดวิตามินผิวขาว คือ การให้สารอาหารและวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวโดยตรงเข้าสู่กระแสเลือด ผ่านการฉีดเข้าทางเส้นเลือดหรือเข้าทางกล้ามเนื้อ หรือที่เรียกกันว่า IV drip เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้เต็มที่กว่าการรับประทานวิตามินทั่ว ๆ ไป โดยวิตามินและสารที่ใช้บ่อย ได้แก่
- วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน
- กลูตาไธโอน ลดการผลิตเม็ดสีผิวเข้มและทำให้ผิวดูกระจ่างใส
- วิตามินบีรวม ฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้าและช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์
- กรดอะมิโนและแร่ธาตุ เสริมการซ่อมแซมเซลล์ผิว
ฉีดวิตามินผิวขาว มีหลักการทำงานยังไงทำให้ผิวกระจ่างใส

โดยทั่วไปแล้วการฉีดวิตามินผิวขาวที่นิยมกัน เช่น การใช้กลูตาไธโอน (Glutathione) ร่วมกับวิตามินซี หรือสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ จะมีหลักการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน และการปรับสภาพผิวให้มีสุขภาพดีขึ้น ดังนี้
-
ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว (Melanogenesis Inhibition)
เนื่องจากเม็ดสีผิวเกิดจากการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ที่เปลี่ยนกรดอะมิโนไทโรซีนให้กลายเป็นเมลานิน ทำให้กลูตาไธโอนจะไปยับยั้งเอนไซม์นี้ ทำให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินสีน้ำตาล-ดำ (Eumelanin) น้อยลง และกระตุ้นให้สร้างเมลานินสีเหลือง-ชมพู (Pheomelanin) ซึ่งทำให้ผิวดูสว่างขึ้น
-
ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant Effect)
โดยวิตามินซีและกลูตาไธโอนจะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยลดการถูกทำลายของเซลล์ผิวจากรังสี UV และมลภาวะ เมื่อผิวได้รับความเสียหายน้อยลง กระบวนการซ่อมแซมผิวทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ผิวดูใสและเรียบเนียนขึ้นเช่นกัน
-
เสริมการสร้างคอลลาเจน
วิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเนียนกระชับ เมื่อผิวมีคอลลาเจนเพียงพอก็จะสะท้อนแสงได้ดีกว่า จึงทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งขึ้นมา นั่นเอง
-
กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
สารอาหารวิตามินบางชนิดที่ฉีดเข้าร่างกายจะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก และสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้มีสีผิวที่สม่ำเสมอมากขึ้น
ฉีดวิตามินผิวขาว ทำไมบางคนฉีดแล้วไม่เห็นผล
การฉีดวิตามินผิวขาวไม่ใช่ทุกคนทำแล้วจะเห็นผล เนื่องจากปัจจัยบางอย่าง เช่น พันธุกรรม สภาพผิวเดิม และการใช้ชีวิตของเรา ดังนี้
-
พันธุกรรมกำหนดสีผิว
โดยปกติแล้วสีผิวพื้นฐานของเราจะถูกกำหนดโดยยีนและปริมาณเม็ดสีเมลานิน หากเป็นคนที่มีเม็ดสีเมลานินเข้มมาก หรือเป็นคนที่มีผิวแทนเข้มโดยธรรมชาติ การทำให้ผิวขาวกว่าระดับพื้นฐานจะทำได้ยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย
-
เม็ดสีผิวถูกกระตุ้นจากแสงแดดต่อเนื่อง
เป็นที่รู้กันดีว่ารังสี UV จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเมลานินเพิ่ม ถ้าเราฉีดวิตามินผิวขาวแล้วแต่ยังไม่ทากันแดดหรือยังโดนแดดจัดเป็นประจำ ผลลัพธ์ก็จะไม่ชัดเจน หนำซ้ำอาจทำให้ผิวหมองคล้ำยิ่งกว่าเดิมก็ได้
-
ปริมาณและความถี่ไม่เพียงพอ
การฉีดวิตามินผิวขาวจำเป็นต้องมีความเข้มข้นและความถี่ที่เหมาะสมเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ถ้าเราเว้นระยะการฉีดที่ห่างจนเกินไปหรือมีปริมาณความเข้มข้นต่ำเกินไป ก็จะทำให้สารออกฤทธิ์ในร่างกายไม่ต่อเนื่อง
-
ระบบการดูดซึมและการเผาผลาญแตกต่างกัน
เป็นปกติที่ร่างกายของเราจะมีระบบการกำจัดกลูตาไธโอนและวิตามินที่แตกต่างกัน บางคนที่มีระบบเผาผลาญเร็วหรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคตับ โรคไต ก็อาจทำให้สารออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายได้ไม่นาน
-
ปัญหาผิวอื่น ๆ แฝงอยู่
หากใครมีปัญหาผิวอย่าง ฝ้า กระ รอยดำ จากฮอร์โมนหรือสิว อาจต้องใช้การรักษาเฉพาะควบคู่ เช่น เลเซอร์ หรือทายา การฉีดวิตามินผิวขาวเพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมด
-
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
ถ้าใครยังคงทำพฤติกรรมพักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเพิ่มอนุมูลอิสระ ก็ทำให้ผิวหมองง่าย แม้จะฉีดวิตามินผิวขาวมาก็จะเห็นผลไม่ชัดเจน
ฉีดวิตามินผิวขาว ทำยังไงให้เห็นผลชัดเจนมากขึ้น
แม้การฉีดวิตามินผิวขาวจะให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น แต่เราก็สามารถเสริมบางอย่างเพื่อให้วิตามินได้ออกฤทธิ์ทำงานอย่างเต็มที่ และลดสิ่งที่จะทำให้ผิวหมองคล้ำลงได้
-
ฉีดอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสม
ปกติจะมีการฉีดวิตามินผิวขาวสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง ติดต่อกัน 4–8 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และเมื่อผิวของเราเริ่มสว่างขึ้นอาจปรับเป็นเดือนละ 1 ครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ และอย่าลืมห้ามเว้นระยะการฉีดที่นานเกินไป เพราะจะทำให้ระดับสารออกฤทธิ์ในร่างกายจะลดลง
-
ป้องกันแดดอย่างเข้มงวด

ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงทุกวัน แม้ไม่ได้ออกแดดโดยตรง และควรใช้หมวก เสื้อแขนยาว หรือร่มเมื่ออยู่กลางแจ้ง เพราะรังสี UV จะสามารถทำลายคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผลฉีดจางเร็วได้
-
เสริมสารอาหารจากการรับประทาน
การฉีดวิตามินผิวขาวแม้จะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสได้ แต่ถ้าหากเรามีการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี, วิตามินอี, เบต้าแคโรทีน, และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ส้ม ฝรั่ง เบอร์รี่ มะเขือเทศ แครอท หรือดื่มน้ำเปล่าให้มากพอ ก็จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นกระจ่างใสได้ด้วยเช่นกัน
-
ดูแลสุขภาพโดยรวม
การนอนหลับที่เพียงพอ 6–8 ชั่วโมง การลดปริมาณดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ ก็จะทำให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตัวเอง ดูสุขภาพดีขึ้นมาได้
-
บำรุงผิวภายนอกควบคู่
แม้จะฉีดวิตามินผิวขาวแล้วก็อย่าลืมใช้ครีมบำรุงผิวที่มีวิตามินซี, ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) หรืออาร์บูติน (Arbutin) และอย่าลืมขัดผิวหรือทำทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิวเก่าเป็นประจำด้วย
-
เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
การฉีดวิตามินผิวขาวควรทำโดยแพทย์หรือบุคลากรที่มีความชำนาญเพื่อลดความเสี่ยงจากการแพ้หรือการติดเชื้อได้
ฉีดวิตามินผิวขาว แล้วต้องเสริมหัตถการอะไรเพิ่มไหม
เนื่องจากการฉีดวิตามินผิวขาวสามารถทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้ แต่ถ้าหากเราอยากให้ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นและอยู่ได้นาน หรือแก้ปัญหาบางอย่างที่เฉพาะจุด ก็สามารถเลือกทำหัตถการเสริมร่วมด้วยได้เหมือนกัน โดยหัตถการที่คนมักทำเสริมร่วมกับการฉีดวิตามินผิวขาว
-
ทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว
โดยจะช่วยขจัดเซลล์ผิวหมองคล้ำและเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวรับวิตามินได้ดียิ่งขึ้น เหมาะทำทุก 2–4 สัปดาห์
-
เลเซอร์ขาวใส
โดยจะเป็นการทำเลเซอร์ เช่น Q-Switch, Pico Laser, IPL เพื่อลดเม็ดสีเมลานิน รอยดำ ฝ้า กระ ทำให้ผิวสว่างและเนียนขึ้นเร็ว ซึ่งจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนกว่าการฉีดวิตามินผิวขาวเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาฝ้าหรือรอยสิว
-
Mesotherapy / Meso Bright
การใช้เข็มเล็กฉีดวิตามินหรือสารบำรุงเข้าไปในผิวโดยตรง จะเหมาะสำหรับคนที่อยากให้ผิวหน้าหรือผิวบางจุดกระจ่างใสเร็ว
-
การกรอผิว
การใช้หัวเพชรหรือเกล็ดคริสตัลกรอผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ การทำควบคู่กับการฉีดวิตามินผิวขาวจะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น
-
ทรีตเมนต์บำรุงลึกด้วย Ultrasound / LED Light Therapy
การทำทรีตเมนต์นั้นจะช่วยให้สารบำรุงซึมลึกลงผิวมากขึ้น และ LED Light สีต่าง ๆ เช่น แสงสีแดงกระตุ้นคอลลาเจน, แสงสีน้ำเงินลดสิว, แสงสีเขียวช่วยเรื่องความสว่าง ทำให้เหมาะกับการแก้ปัญหาเฉพาะจุดของแต่ละคนได้
ฉีดวิตามินผิวขาว ปลอดภัยจริงไหม
การฉีดวิตามินผิวขาว มีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง โดยความปลอดภัยนั้นจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สารที่ใช้ ปริมาณ วิธีการฉีด และสภาพร่างกายของผู้เข้ารับการฉีดวิตามินผิวขาว
ความปลอดภัยของการฉีดวิตามินผิวขาว
- ใช้สารที่ผ่าน อย. เช่น กลูตาไธโอน, วิตามินซี, วิตามินบีรวม
- ทำโดยแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
- ปรับปริมาณวิตามินให้เหมาะสมกับร่างกาย ไม่ฉีดเกินขนาด
- ผู้เข้ารับการฉีดวิตามินผิวขาวไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้าม เช่น โรคตับ ไต หรือประวัติแพ้รุนแรง
ความเสี่ยงและข้อควรระวังของการฉีดวิตามินผิวขาว
- การแพ้หรือช็อกอาจเกิดขึ้นทันทีหลังฉีด โดยเฉพาะในคนที่แพ้สารต้านอนุมูลอิสระหรือวิตามินบางชนิด
- ปัญหาด้านตับและไต เนื่องจากการฉีดวิตามินผิวขาวปริมาณสูงซ้ำบ่อย ๆ อาจเพิ่มภาระการทำงานของตับและไตได้
- การติดเชื้อ หากสถานที่หรืออุปกรณ์ไม่สะอาดพอ อาจติดเชื้อที่ผิวหนังหรือกระแสเลือดได้
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ถ้าหยุดฉีดผิวอาจกลับมาหมองคล้ำ โดยเฉพาะถ้าไม่ป้องกันแดดหรือดูแลผิวต่อ
สรุป
การฉีดวิตามินผิวขาวถือเป็นวิธีช่วยให้ผิวกระจ่างใสโดยทำงานผ่านการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน เสริมคอลลาเจน และปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จะมากน้อยขึ้นอยู่กับพันธุกรรม การดูแลผิวหลังฉีด และการใช้ชีวิตประจำวัน หากต้องการให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เราควรฉีดอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เหมาะสม ป้องกันแสงแดด เข้ารับการบำรุงผิวจากทั้งภายในและภายนอก และควรเลือกทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ใช้วิตามินที่ผ่านการรับรอง และปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย





