Home
|
ไลฟ์สไตล์

ไขข้อสงสัยไหมน้ำ คืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยม

Featured Image

ในช่วงที่ผ่านมา ไหมน้ำกลายเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่วงการเสริมความงามพูดถึงกันบ่อยมาก ซึ่งหลายคลินิกเองก็เริ่มมีบริการนี้ขึ้นมาแล้ว เพราะช่วยให้ผิวดูยกกระชับ อิ่มฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการร้อยไหมแบบเดิม ๆ ทำให้หลายคนเมื่อเห็นรีวิวก็สงสัยว่าจริง ๆ แล้วไหมน้ำคืออะไร ดีอย่างที่ว่ากันไหม และทำไมถึงได้รับความนิยมขนาดนี้

ไหมน้ำ คืออะไร

ไหมน้ำ คือ การต่อยอดนวัตกรรมจากการร้อยไหมแบบเดิม แต่เปลี่ยนจากไหมเส้น ๆ มาอยู่ในรูปแบบของเจลหรือของเหลว โดยส่วนมากทำจากสารละลายของไหมละลายชนิดเดียวกับที่ใช้ร้อยไหม เช่น PDO, PLLA หรือ PCL

เมื่อแพทย์ทำการฉีดไหมน้ำ เข้าสู่ผิวแล้ว สารไหมจะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ผิวของเราจึงค่อย ๆ แน่นกระชับขึ้นจากภายในแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับคนที่อยากฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสขึ้น

อีกทั้งจุดเด่นของไหมน้ำ คือ เจ็บน้อย บวมน้อย และกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำทันที จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนวัตกรรมนี้ถึงได้ถูกพูดถึงมากในกลุ่มคนที่ไม่อยากร้อยไหม หรือกลัวการร้อยไหมแบบเดิม

 

ไหมน้ำ ต่างจากการร้อยไหมแบบเดิมยังไง

การฉีดไหมน้ำ หรือ การร้อยไหมแบบเดิม ต่างก็มีเป้าหมายเหมือนกัน คือ ยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน แต่แนวทางการทำหัตถการต่างกันอย่างชัดเจน

เพราะการร้อยไหมแบบเดิมจะใช้เส้นไหมสอดเข้าใต้ผิวเพื่อดึงและยกผิวให้ตึง ส่วนไหมน้ำจะเป็นเนื้อเจลที่ฉีดเข้าไปในชั้นผิวตื้น ๆ ให้กระจายตัวทั่วใบหน้า จึงให้ผลลัพธ์ที่นุ่มนวลกว่า ไม่แข็งหรือเป็นรอยย่นเหมือนการดึงไหมมากเกินไป

ดังนั้น สรุปได้ง่าย ๆ คือ ไหมน้ำไม่ได้ยกกระชับผิวแบบทันที แต่เป็นการปลุกผิวให้สร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่เอง ผิวของเราจึงค่อย ๆ ตึงแน่นขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำประมาณ 2–4 สัปดาห์ และดูเป็นธรรมชาติมากกว่าด้วย

 

ไหมน้ำ ช่วยยกกระชับผิวได้ยังไง

สำหรับกลไกการทำงานของไหมน้ำที่ช่วยยกกระชับผิว คือ หลังฉีดไหมน้ำเข้าสู่ผิว สารไหมในรูปแบบเจลจะค่อย ๆ แทรกตัวอยู่ในชั้นหนังแท้ ช่วยสร้างโครงรองรับให้ผิวจากภายใน พร้อมกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวยืดหยุ่นและเต่งตึงขึ้น

ในช่วง 2–4 สัปดาห์แรกหลังทำ เราจะเริ่มเห็นได้ว่าผิวดูแน่นขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ และเมื่อเวลาผ่านไป คอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นจะค่อย ๆ เติมเต็มใต้ผิว ทำให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับมาดูเรียบตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

หากใครยิ่งทำแบบต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง คอลลาเจนใหม่ก็จะถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลลัพธ์ของการฉีดไหมน้ำจะอยู่ได้นานประมาณ 9–12 เดือน ก่อนจะค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ใหม่โดยไม่เกิดการสะสมในผิวแต่อย่างใดด้วย

ไหมน้ำ ช่วยเรื่องอะไรได้อีกบ้าง

นอกจากการยกกระชับผิวหน้าแล้ว ไหมน้ำยังมีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวในหลายด้าน เช่น

ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ ให้กลับมาดูกระจ่างใส

กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

ลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตาและมุมปาก

เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เพราะไหมน้ำมีส่วนช่วยในการกักเก็บน้ำใต้ผิว

ปรับสภาพผิวให้แน่นและยืดหยุ่นขึ้น เหมาะกับคนที่รู้สึกว่าผิวบางหรือแห้งง่าย

ดังนั้น ไหมน้ำไม่ได้มีดีแค่เรื่องยกกระชับแต่ยังช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิวโดยรวมของเราให้กลับมาดูอ่อนเยาว์จากภายในได้

เลือกไหมน้ำแบบไหนให้เหมาะกับปัญหาผิว

การเลือกไหมน้ำให้เหมาะกับแต่ละคนสำคัญมาก เพราะแต่ละสูตรจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปตามความต้องการและสภาพผิว ยกตัวอย่างเช่น

คนที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือผิวขาดน้ำ

เหมาะกับไหมน้ำสูตร PDO (Polydioxanone) ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มความแน่นกระชับให้ผิวอย่างอ่อนโยน เหมาะกับคนอายุ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มสังเกตเห็นสัญญาณของความร่วงโรยจากผิวของตัวเอง

ผู้ที่ต้องการความยกกระชับชัดเจนและลดร่องลึก

เหมาะกับไหมน้ำสูตร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เข้มข้นกว่า และช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้นจากภายใน เหมาะกับคนช่วงอายุ 30–45 ปี

ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากหรือมีอายุเกิน 45 ปีขึ้นไป

ควรเลือกไหมน้ำสูตร PCL (Polycaprolactone) เพราะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ ละลายช้า อยู่ในผิวได้นานกว่า 12 เดือน และให้ผลยกกระชับชัดเจนมากขึ้น

จะเห็นได้เลยว่าการเลือกไหมน้ำไม่ใช่เรื่องของยี่ห้อเพียงอย่างเดียว แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินโครงหน้า ระดับความหย่อนคล้อยของผิว เพื่อเลือกสูตรไหมน้ำที่ตอบโจทย์ที่สุด และยิ่งหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เราก็จะได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติมากที่สุด

 

ข้อดี – ข้อเสียก่อนตัดสินใจฉีดไหมน้ำ

ข้อดีของการฉีดไหมน้ำ

เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น

เห็นผลแบบค่อยเป็นค่อยไปทำให้ดูเป็นธรรมชาติ

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ยาวนาน

เหมาะกับคนที่กลัวการร้อยไหมหรือไม่พร้อมผ่าตัด

สามารถทำซ้ำได้ทุก 6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ให้นานขึ้น

ข้อเสียของการฉีดไหมน้ำ

ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการฉีดให้กระจายทั่วชั้นผิว

หากทำโดยผู้ที่ไม่ชำนาญ อาจเกิดการบวมแดงหรือผลลัพธ์ไม่สม่ำเสมอได้

หากใครเป็นคนผิวบาง เกิดรอยบวมช้ำง่าย ก็อาจพบรอยช้ำในจุดที่ฉีดได้ด้วย

เปิดเคล็ดลับให้ไหมน้ำเห็นผลลัพธ์ได้นานขึ้น

การดูแลตัวเองหลังฉีดไหมน้ำก็มีส่วนสำคัญต่อระยะเวลาในการคงผลลัพธ์ในยาวนานขึ้น และเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้ไหมน้ำอยู่ได้นานและเห็นผลชัดเจน ได้แก่

หลีกเลี่ยงการนวดหน้าแรง ๆ หรือการสครับผิวในช่วง 1 สัปดาห์แรก

งดการออกกำลังกายหนัก และการอบซาวน่า 3–5 วันหลังทำ

ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ไหมละลายและกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีขึ้น

ใช้ครีมบำรุงที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของกรดหรือแอลกอฮอล์

ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันผิวเสื่อมสภาพ

หากเป็นไปได้ก็ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อประเมินผลหลังทำ 1 เดือน

หากเราได้ดูแลตัวเองทั้งภายในและภายนอกอย่างถูกวิธี การฉีดไหมน้ำก็จะสามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 9–12 เดือน และสามารถฉีดซ้ำได้โดยไม่เป็นอันตราย

สรุป

ไหมน้ำ คือ เทคนิคการฉีดผิวแนวใหม่ที่ผสมข้อดีของการร้อยไหมแบบเดิม ๆ กับการฉีดบำรุงผิวแบบธรรมดาเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เหมาะสำหรับคนที่อยากฟื้นฟูผิวให้ดูเต่งตึง อิ่มน้ำ และอ่อนเยาว์ขึ้นแบบไม่ต้องพักฟื้นนานให้เท่าการผ่าตัดใหญ่

และยิ่งเมื่อเราเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ไหมน้ำที่มีคุณภาพ ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัยสุด ๆ และนี่เองก็คือเหตุผลที่การฉีดไหมน้ำกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube