Home
|
ไลฟ์สไตล์

ไขข้อสงสัย! ปวดประจำเดือนแบบไหนควรไปหาหมอ พร้อมแนวทางรักษาเบื้องต้น

Featured Image

            อาการปวดประจำเดือนเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยทั่วไปมักมาพร้อมกับอาการไม่สบายตัวในช่วงมีรอบเดือน หลายคนจึงพึ่งพาวิธีบรรเทาด้วยการกินยาแก้ปวด ใช้แผ่นประคบร้อน หรือใช้ถุงน้ำร้อน ซึ่งหากอาการดีขึ้น ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติของการปวดประจำเดือน

แต่ถ้าคุณเริ่มมีอาการปวดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การกินยาก็ไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นเท่าเดิม อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพบางอย่าง ที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์

สัญญาณเตือนปวดประจำเดือนแบบผิดปกติ! 

             อาการปวดที่เกิดจากโรคหรือภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์ เราเรียกว่า “ปวดประจำเดือนทุติยภูมิ” มักมีสาเหตุจากภาวะ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกในมดลูก หรือโรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ ซึ่งถ้าคุณมีอาการปวดแบบผิดปกติเหล่านี้ แนะนำให้รีบพบแพทย์ ได้แก่:

  • ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกเดือน ช่วงแรกอาจสามารถทนความเจ็บปวดได้ แต่อาการปวดนี้กลับทวีคูณขึ้นกว่าเดิม
  • ต้องกินยาแก้ปวดมากกว่าวันละ 1 ครั้ง หรือถึงขั้นฉีดยา
  • ปวดท้องพร้อมรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระแบบเร่งด่วน แต่ไม่มีอะไรออกมา
  • ปวดเฉพาะบริเวณท้องน้อยสองข้าง ลามไปยังช่องคลอดหรือขา
  • นอกจากอาการปวดประจำเดือนแล้ว มีเลือดออกเป็นระยะ ๆ หรือมากเกินไป ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นมากกว่า 1 ครั้งภายใน 1 เดือน
  • มีอาการปวดท้องในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์เสมอ

 

แนวทางการรักษาอาการปวดประจำเดือน

            เป้าหมายของการรักษาคือ ลดอาการเจ็บจากการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก และลดการกระตุ้นของเส้นประสาทความเจ็บปวด โดยวิธีการรักษามีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล

  1. การใช้ยาฮอร์โมน
    การใช้ฮอร์โมนช่วยยับยั้งการตกไข่ และลดการเจริญของเยื่อบุโพรงมดลูก โดยอาจอยู่ในรูปแบบของยาคุมกำเนิดแบบเม็ด แผ่นแปะ หรือห่วงอนามัย ซึ่งสามารถบรรเทาอาการได้มากถึง 80%

 

  1. ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs)
    เป็นตัวเลือกอันดับแรกที่แพทย์มักแนะนำ เช่น ไอบูโพรเฟน หรือเมเฟนามิคแอซิด ควรเริ่มกินก่อนมีประจำเดือน 1–2 วัน และกินตามเวลาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมการอักเสบและบรรเทาอาการปวด

 

  1. การรักษาทางเลือก
    เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยา เช่น
  • การฝังเข็ม
  • ประคบร้อน
  • การออกกำลังกาย โยคะ
  • การกระตุ้นเส้นประสาทด้วยไฟฟ้า (TENS)
  • อาหารเสริม เช่น วิตามินอี หรือสารสกัดจากขิง

 

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

            สำหรับวัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือนในช่วง 2 ปีแรก การปวดประจำเดือนส่วนใหญ่มักเป็นแบบปฐมภูมิ ซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยยาแก้อักเสบทั่วไป หากอาการดีขึ้นหลังใช้ยา ก็ไม่น่ากังวล

อย่างไรก็ตาม หากอาการยังคงรุนแรง หรือมีแนวโน้มแย่ลง แนะนำให้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

 

สรุปส่งท้าย

            แม้อาการปวดประจำเดือนจะเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงหลายคน แต่หากความเจ็บปวดเริ่มรบกวนการใช้ชีวิต หรือทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ควรอย่ามองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ หมั่นสังเกตร่างกายตัวเอง และไม่ลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ หากใครที่ชื่นชอบคอนเทนต์ที่ให้ทั้งสาระและความรู้แบบนี้ ติดตามต่อได้ที่ iNN Lifestyle

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube