ผู้หญิงต้องรู้! วัคซีนมะเร็งปากมดลูก คืออะไร? ป้องกันโรคอะไรได้อีกบ้าง?
มะเร็งปากมดลูก เป็นหนึ่งในโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยมากเป็นอันดับต้น ๆ แต่ข่าวดีคือโรคนี้สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกัน hpv ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดความเสี่ยงของโรคนี้
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ วัคซีนมะเร็งปากมดลูก อย่างละเอียด พร้อมวิธีป้องกัน อาการที่ควรรู้ และคำถามที่ผู้หญิงมักสงสัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน HPV
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก คืออะไร?
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อ ไวรัส HPV (Human Papillomavirus) โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น HPV-16 และ HPV-18 ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก
ไวรัส HPV ต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูก
HPV หรือ Human Papillomavirus คือไวรัสที่สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่มีเพียงบางสายพันธุ์เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะสายพันธุ์ HPV-16 และ HPV-18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก
การติดเชื้อ HPV มักไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก จึงทำให้หลายคนไม่รู้ตัว การป้องกันไวรัสชนิดนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่ต้นทาง
ทำไมต้องฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก?
หลายคนอาจคิดว่า “ยังไม่มีเพศสัมพันธ์เลย ยังไม่ต้องรีบฉีดก็ได้มั้ง?” แต่อันที่จริง การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่อายุน้อยจะยิ่งให้ผลการป้องกันที่ดีที่สุด เพราะวัคซีนจะสร้างภูมิคุ้มกันก่อนที่ร่างกายจะสัมผัสเชื้อ
วัคซีนตัวนี้ยังได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลกว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดอัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูก
- ป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ชนิดเสี่ยงสูง
- ลดโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 90% หากฉีดก่อนมีเพศสัมพันธ์
- ลดความเสี่ยงมะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก และหูดหงอนไก่
ควรฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกเมื่อไหร่?

ช่วงอายุมีผลต่อจำนวนเข็มที่ต้องฉีด และความคุ้มค่าของภูมิคุ้มกัน วัคซีน HPV ยิ่งฉีดเร็วก็ยิ่งดี เพราะภูมิคุ้มกันจะสร้างได้เต็มที่ และป้องกันไวรัสได้ตั้งแต่ก่อนมีความเสี่ยง
- แนะนำให้ฉีดตั้งแต่อายุ 9–26 ปี
- แต่สามารถฉีดได้ถึงอายุ 45 ปี
- อายุ 9–14 ปี ฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน
- อายุ 15 ปีขึ้นไป ฉีด 3 เข็ม ครบภายใน 6 เดือน
ใครบ้างควรฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก?
จริง ๆ แล้ว ผู้หญิงทุกคนควรได้รับวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ไม่จำกัดว่าต้องมีเพศสัมพันธ์แล้วเท่านั้น เพราะเป็นการป้องกันที่ทำได้ล่วงหน้า ยิ่งถ้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV ต่อไปนี้ยิ่งไม่ควรรอ
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ หรือใช้ชีวิตประจำวันผิด ๆ จนทำให้ภูมิคุ้มกันไร้ประสิทธิภาพลงเรื่อย ๆ เช่น ดูดบุหรี่เป็นประจำ
- ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อนหน้านี้ เช่น โรคหนองในแท้ (Gonorrhea), โรคซิฟิลิส (Syphilis), เอชไอวี/เอดส์ (HIV/AIDS) และ โรคติดเชื้อคลามีเดีย (Chlamydia) เป็นต้น
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก มีกี่ชนิด
ในปัจจุบัน วัคซีน HPV มีให้เลือกอยู่ 3 ชนิดหลัก ซึ่งแต่ละชนิดจะครอบคลุมสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสที่ต่างกันออกไป โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าวัคซีนชนิดใดเหมาะกับคุณมากที่สุดตามอายุ และความเสี่ยงของแต่ละคน
-
วัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์
ป้องกัน HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก
-
วัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์
ป้องกัน HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18 เพิ่มความสามารถในการป้องกันหูดหงอนไก่
-
วัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์
ป้องกัน HPV ได้ถึง 9 สายพันธุ์ รวมทั้งสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งและหูดหงอนไก่ได้ครอบคลุมที่สุด
วัคซีนมะเร็งปากมดลูกป้องกันโรคอะไรได้บ้าง?

นอกจากมะเร็งปากมดลูกแล้ว วัคซีน HPV ยังสามารถป้องกันมะเร็งและโรคติดเชื้ออื่น ๆ ที่เกี่ยวกับไวรัส HPV ได้อีกหลายโรค
-
มะเร็งช่องคลอด
วัคซีน HPV สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งช่องคลอด ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบได้น้อยแต่มีความรุนแรง มักเกิดในผู้หญิงที่ติดเชื้อ HPV เป็นเวลานานโดยไม่รู้ตัว การฉีดวัคซีนจึงเป็นการป้องกันเชื้อก่อนที่เซลล์ผิดปกติจะก่อตัว
-
มะเร็งปากช่องคลอด
เป็นอีกโรคหนึ่งที่เชื้อ HPV มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง มะเร็งปากช่องคลอดสามารถลุกลามจากเนื้อเยื่อบริเวณปากช่องคลอดเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์ได้ การได้รับวัคซีนช่วยลดโอกาสการเกิดเซลล์ผิดปกติในบริเวณนี้
-
มะเร็งทวารหนัก
ทั้งผู้หญิงและผู้ชายสามารถเป็นมะเร็งทวารหนักได้ โดยมี HPV เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การฉีดวัคซีน HPV จึงเป็นการสร้างเกราะป้องกันที่ดีอีกชั้น
-
มะเร็งช่องปากและลำคอ
ไวรัส HPV บางสายพันธุ์ เช่น HPV-16 มีส่วนเกี่ยวข้องกับมะเร็งบริเวณช่องปากและลำคอ โดยเฉพาะในผู้ที่มีพฤติกรรมทางเพศแบบไม่ป้องกัน หรือมีคู่นอนหลายคน การฉีดวัคซีนจึงช่วยลดโอกาสการติดเชื้อในบริเวณเหล่านี้ด้วย
-
หูดหงอนไก่
หูดหงอนไก่เกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6 และ 11 เป็นตุ่มเนื้ออ่อน ๆ ที่ขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งสร้างความรำคาญและส่งผลต่อสุขภาพจิตได้ วัคซีน HPV โดยเฉพาะชนิด 4 และ 9 สายพันธุ์สามารถช่วยป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาการข้างเคียงจากวัคซีนมะเร็งปากมดลูก

ไม่ต้องกังวลจนเกินไปนะ เพราะวัคซีนนี้มีความปลอดภัยสูง อาการข้างเคียงส่วนใหญ่จะเป็นเพียงเล็กน้อยและหายไปเองภายใน 1–2 วัน เช่น
- รู้สึกปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด
- อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หรือมีไข้ต่ำ ๆ
- บางคนอาจหน้ามืดหลังฉีดเล็กน้อย (แนะนำให้นั่งพักก่อนกลับบ้าน)
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ราคาเท่าไหร่?
ราคาวัคซีนมะเร็งปากมดลูกจะต่างกันไปตามสถานที่ที่ฉีดและยี่ห้อที่เลือก แต่เพื่อสุขภาพระยะยาว ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสุด ๆ เข็มละประมาณ 2,000–4,000 บาท หากฉีดครบ 3 เข็ม ค่ารวมประมาณ 6,000–14,000 บาท และบางโรงพยาบาลมีแพ็กเกจโปรโมชั่น หรือสามารถใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ
ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกแล้ว ยังต้องตรวจ Pap smear ไหม?
คำตอบคือ “ยังต้องตรวจ” เพราะแม้วัคซีนจะครอบคลุมสายพันธุ์เสี่ยงสูงหลัก ๆ แล้ว แต่ก็ยังมีสายพันธุ์อื่นที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้อยู่ดี การตรวจภายใน เช่น Pap smear หรือ HPV DNA Test จะช่วยให้คุณรู้เท่าทันและดูแลตัวเองได้มากขึ้นอีกขั้น
วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ผู้หญิงทุกคนทำได้
แนะนำผู้หญิงทุกคนอย่ารอให้เจ็บป่วยก่อน เพราะเราสามารถเริ่มดูแลตัวเองได้ตั้งแต่วันนี้ โดยไม่ต้องรอให้มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่น
- ฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุยังน้อย
แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV (HPV vaccine) ก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9-45 ปี เพราะวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ยิ่งป้องกันได้ดี
- ตรวจภายในประจำปี
แนะนำให้ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ หรืออย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้สามารถตรวจเจอความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะแรก ๆ การตรวจไม่ได้เจ็บหรือน่ากลัวอย่างที่หลายคนกังวล แถมยังเป็นการดูแลตัวเองแบบเชิงรุกที่สำคัญมากอีกด้วยนะ
- ป้องกันตัวเองขณะมีเพศสัมพันธ์
ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และควรมีคู่นอนคนเดียวหรือคู่นอนที่ไม่เปลี่ยนบ่อย การป้องกันการติดเชื้อ HPV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้มากขึ้น เพราะอย่าลืมว่าความรักต้องมาพร้อมความปลอดภัยด้วยเช่นกัน
- ไม่สูบบุหรี่ และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงให้เซลล์ปากมดลูกกลายพันธุ์และเป็นมะเร็งได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพโดยการกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง พร้อมป้องกันและต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดียิ่งขึ้น
สรุป: วัคซีนมะเร็งปากมดลูก ป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าแก้ไขทีหลัง
การดูแลตัวเองไม่ใช่แค่เรื่องของการกินอาหารดี ๆ หรือออกกำลังกายเท่านั้น แต่การฉีดวัคซีนก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้เราแข็งแรงจากภายในได้เหมือนกัน
วัคซีนมะเร็งปากมดลูก คือการป้องกันล่วงหน้าที่ได้ผลจริง และยิ่งฉีดไว ยิ่งได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เคยมีเพศสัมพันธ์หรือยัง ก็สามารถเข้ารับการฉีดได้ ถ้าหากลังเล ลองปรึกษาคุณหมอเพื่อความสบายใจ และอย่ารอให้สายเกินไปนะ สุขภาพดี เริ่มได้จากการตัดสินใจเล็ก ๆ ในวันนี้เลย





