Home
|
ไลฟ์สไตล์

รู้หรือไม่? ของกินทุกชนิด “ไม่จำเป็น” ต้องจดเลข อย. เปิดเงื่อนไขสำคัญ ว่าแบบไหน “ต้องจด” และแบบไหน “ไม่ต้องจด”

Featured Image

          ในยุคที่ใคร ๆ ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจอาหารได้ง่าย ๆ ทั้งขายออนไลน์ ขายผ่านแอปฯ หรือวางขายหน้าร้าน คำถามหนึ่งที่มักจะตามมาคือ “ของกินทุกชนิดต้องมีเลข อย. ไหม?”

          คำตอบก็คือ ไม่จำเป็นเสมอไปค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะละเลยความปลอดภัยหรือมาตรฐานไปได้ มาทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ ว่าอาหารแบบไหน “ต้องมีเลข อย.” และแบบไหน “ไม่ต้องมี” กันดีกว่า

 

อาหารแบบไหนที่ต้องมีเลข อย.

  • อาหารสำเร็จรูปที่บรรจุในภาชนะปิดสนิท เช่น อาหารกระป๋อง อาหารพร้อมทานที่บรรจุในถุงสุญญากาศ เป็นต้น 
  • อาหารที่ผลิตเพื่อจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นการผลิตโดยผู้ผลิตเองและขายเอง หรือผลิตเพื่อจำหน่ายผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น ร้านค้าออนไลน์ หรือร้านค้าปลีก
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่อยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น แคปซูล, เม็ด, ผง หรือของเหลว
  • อาหารที่นำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
  • อาหารอื่นๆ ที่เข้าข่ายตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ที่กำหนดว่าต้องมีเลข อย.

 

ตัวอย่างเช่น

  • ขนมขบเคี้ยวในซอง
  • น้ำผลไม้กล่อง
  • อาหารกระป๋อง
  • วิตามินและอาหารเสริม
  • อาหารแช่แข็งพร้อมอุ่น
  • เครื่องดื่มสมุนไพรหรือชูกำลัง
  • อาหารสำหรับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย 

          ทั้งหมดนี้ต้องผ่านการขออนุญาตผลิตอาหารกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และมีเลขสารบบอาหาร 13 หลักระบุชัดเจนบนฉลาก

 

แล้วแบบไหนที่ “ไม่ต้องมีเลข อย.”

  • อาหารสด เช่น ผักสด ผลไม้ เนื้อสัตว์ดิบที่ขายเป็นชิ้น หรือยังไม่ได้บรรจุในภาชนะปิดสนิท
  • อาหารปรุงสดใหม่ ที่ทำขายหน้าร้าน เช่น ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนมไทยในตลาด
  • อาหารที่ไม่ได้บรรจุหีบห่อถาวร เช่น ขนมขายใส่ถุงธรรมดา หรือจัดใส่จานตามออเดอร์

          แม้ไม่ต้องมีเลข อย. แต่อาหารกลุ่มนี้ก็ยังต้อง ปฏิบัติตามหลักสุขาภิบาลและกฎหมายท้องถิ่น เช่น ขอใบอนุญาตจากเทศบาล หรือผ่านการตรวจสุขภาพผู้ประกอบการ

 

ของบางอย่างอาจ “ต้องจด” ถ้าเปลี่ยนรูปแบบการขาย

ตัวอย่างเช่น:

  • ปกติขายข้าวกล่องหน้าร้าน = ไม่ต้องจด อย.
  • แต่ถ้าคุณเริ่มบรรจุกล่องสูญญากาศ วางขายตามร้านสะดวกซื้อหรือออนไลน์แบบส่งทั่วประเทศ = ต้องมีเลข อย. 

แล้วเลข อย. สำคัญยังไง?

  • เป็นเครื่องยืนยันว่า อาหารผ่านการตรวจสอบคุณภาพ
  • มีการจดทะเบียนชัดเจนว่า ผลิตโดยใคร ที่ไหน มีวันผลิต/วันหมดอายุ
  • ผู้บริโภคสามารถ ตรวจสอบข้อมูลได้
  • หากเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เช่น อาหารเสียหรือเกิดอาการเจ็บป่วยจากการบริโภค สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ทันที 

อยากตรวจสอบเลข อย. ทำยังไง?

  1. เข้าเว็บไซต์ของ อย. www.fda.moph.go.th
  2. หรือโหลดแอปพลิเคชัน “Oryor Smart” ใช้สแกนเลข อย. หรือพิมพ์ค้นหาชื่อผลิตภัณฑ์ก็ได้ง่าย ๆ

 

คำแนะนำ : ผู้บริโภคควรตรวจสอบเลข อย. บนฉลากผลิตภัณฑ์ทุกครั้งก่อนซื้อ เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของอาหาร

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube