ความรักหน้าตาประมาณไหน? พาส่อง 3 เรื่องลับๆ ของหัวใจ ที่คุณไม่เคยรู้!

เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่า ว่ารูปทรงหัวใจที่เราเห็นกันจนชินตานั้นมันมีที่มาจากไหน แล้วทำไมเวลานึกถึงสีที่เกี่ยวกับความรัก มักจะต้องเป็นสีแดงกับสีชมพูกันด้วยนะ ? เป็นสีดำ หรือสีฟ้าไม่ได้เหรอ ? วันนี้จึงอยากชวนเพื่อน ๆ มาร่วมไขปริศนานี้ไปพร้อม ๆ กัน !
รูปทรงหัวใจ มาจากไหนกัน ♥
รูปทรงหัวใจแบบที่ทุกคนเห็นจนคุ้นตาในทุกวันนี้ จริง ๆ แล้วเป็นทรงที่มีมานานตั้งแต่สมัยกลุ่มอารยธรรมอินเดียโบราณ (Indus Civillization) มีอายุอยู่ในช่วงราว ๆ 2500 – 1700 ปีก่อนคริสตกาล พบหลักฐานชิ้นสำคัญเป็นเครื่องปั้นรูปร่างคล้ายจานก้นตื้นทรงหัวโค้งมนประกบกันสองด้าน ปัจจุบันชิ้นงานถูกจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏ แสดงให้เห็นว่าเดิมทีรูปทรงหัวใจมีอยู่ผ่านอารยธรรมโบราณมาอย่างช้านานแล้ว เพียงแค่ไม่ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในฐานะของสัญลักษณ์แห่งความรัก จนกระทั่งศตวรรษที่ 13 รูปทรงหัวใจได้ถูกหยิบยกมาใช้ในเชิงรัก ๆ ใคร่ ๆ มากขึ้น
อย่างหนึ่งบทประพันธ์สัญชาติฝรั่งเศส “Roman de la poire” ซึ่งตีพิมพ์ในราว ๆ ปี ค.ศ. 1250 ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ทำให้รูปทรงหัวใจเริ่มได้รับความนิยมในฐานะสัญลักษณ์แห่งความรัก โดยมีฉากเด่นคือภาพที่ชายหนุ่มยกหัวใจมอบให้แก่ผู้หญิงที่เขารัก หัวใจเลยกลายเป็นอวัยวะที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งแทนความรัก จากนั้นทรงหัวใจก็ได้รับความนิยมตามมา
ถึงแม้ว่าในช่วงแรก รูปทรงหัวใจจะถูกวาดกลับหัว แต่เมื่อถึงศตวรรษที่ 15 ทรงหัวใจก็ถูกพัฒนาเป็นรูปแบบที่พวกเราคุ้นเคยกันดีในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน ฝั่งของคริสตจักรคาทอลิกได้มีการอ้างถึงนิมิตของนักบุญมากาเร็ต เพื่อผลักดันแนวคิดที่ว่าหัวใจของพระเยซูเป็นต้นแบบของรูปทรงหัวใจ แม้ในความเป็นจริงแล้ว รูปทรงหัวใจเช่นนี้จะมีอยู่ในประวัติศาสตร์มาอย่างช้านาน แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อิทธิพลของรูปทรงหัวใจแพร่หลายไปสู่ผู้คนทั่วทุกมุมโลกอย่างรวดเร็ว
ที่มาของสีแดงและสีชมพูอันสื่อถึงความรัก
หากย้อนไปในช่วงศตวรรษที่ 17 กระบวนการผลิตสีแดงในฝรั่งเศสขณะนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เนื่องจากจำเป็นต้องสกัดสารย้อมสีมาจากแมลงตัวเล็ก ๆ บนต้นกระบองเพชรเม็กซิโก ด้วยมูลค่าที่แสนแพง การให้ของขวัญที่มีสีแดงจึงถือเป็นการแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ต่อผู้รับ ทำให้สีแดงและสีชมพูกลายเป็นสีที่ใครต่อใครก็ต้องนึกถึงโดยอัตโนมัติเวลาพูดถึงความรักนั่นเอง
สีแดงเป็นสีที่สื่อถึงความแข็งแกร่งทางอารมณ์และสร้างความดึงดูดได้ดีกว่าสีอื่น ๆ อีกทั้งยังเป็นสีของ เลือด ส่วนประกอบในร่างกายพวกเรา จึงเป็นสีที่เหมาะกับการแสดงออกอย่างลึกซึ้งในเรื่องของความรักและความโรแมนติก โดย Ms.Chattopadhyay นักจิตวิทยาชาวอินเดีย ได้อธิบายว่า “สีแดงเป็นสีที่ดึงดูดพวกเราอย่างปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นสีที่สื่อถึงความหลงใหลและพลังทางเพศ”
ในปกรณัมโรมันและกรีกเองก็ปรากฏความเชื่อมโยงของเรื่องรัก ๆ กับสีแดงเหมือนกันนะ อย่างเช่นเทพีวีนัส (Venus) หรืออะโฟร์ไดท์ (Aphrodite) ที่เรารู้จักกันดีว่านางคือเทพีแห่งความรัก ก็มักจะพบภาพจำลองการแต่งกายของนางที่พันร่างกายตนเองด้วยผ้าสีแดง
หรือแม้แต่ดอกกุหลาบแดงที่มอบให้กันในวันวาเลนไทน์ ก็เกิดขึ้นมาจากตำนานที่เล่าขานกันว่าเลือดของเทพีอะโฟร์ไดท์ได้หยดลงบนกลีบดอกกุหลาบสีขาว กุหลาบแดงจึงได้กลายมาเป็นดอกไม้ที่ใช้เพื่อแสดงถึงความรัก
เมื่อสีแดงผสมกับสีขาว จะกลายเป็นสีชมพูที่มีความอ่อนหวาน บริสุทธิ์ และอ่อนโยนกว่าสีแดง สีนี้จึงมักใช้เพื่อสื่อถึงความรักในเชิงมิตรภาพ หรือความรักภายในครอบครัวเสียมากกว่า
รสชาติกับการเปรียบเทียบความรัก
นอกจากนี้ เพื่อน ๆ เคยได้ยินวลีอย่าง “เติมความหวานให้ความรัก” หรือ “ความรักอันแสนขมขื่น” กันบ้างหรือเปล่า แล้วเคยสงสัยกันหรือไม่ว่ารสชาติมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับความรัก ในแนวทางการศึกษาของ Cognitive Linguistics หรือภาษาศาสตร์ปริชาน ศาสตร์ที่ว่าด้วยการศึกษาภาษาศาสตร์กับประสาทจิตวิทยาและวิทยาการรู้คิด อธิบายว่าทั้งหมดนี้เป็นการเลือกหยิบพฤติกรรมและอารมณ์ที่ได้จากการลิ้มรสชาติมาเปรียบเทียบกับรูปแบบของความรัก
โดยผลจากงานวิจัยของ ไบรอัน ไมเออร์ ศาสตราจารย์ภาคจิตวิทยา จาก Gettysburg College และดร.เคนดัล เอสไคน์ อาจารย์ผู้ช่วยภาคจิตวิทยาและประสาทจิตวิทยา Wheaton College สามารถกล่าวได้ว่า รสชาติมีอิทธิพลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์ ลองนึกถึงภาพเวลาที่เราชิมอาหารที่มีรสชาติหวานดูสิ สังเกตได้ว่าพฤติกรรมและอารมณ์ของพวกเรามีแนวโน้มพัฒนาเป็นไปในทางบวกหรือทางที่ดีขึ้น
กลับกันกับรสชาติขม ปฏิกิริยาของมนุษย์มักจะแสดงออกในทิศทางตรงกันข้าม ความแตกต่างกันอย่างชัดเจนนี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รสชาติหวานและขมถูกนำมาเทียบกับความรักที่มีทั้งด้านดีและด้านแย่
โดยการเปรียบเทียบรสชาติกับความรักถูกแสดงผ่านกลวิธีทางภาษาแบบมโนอุปลักษณ์ (Conceptual Metaphor) ที่กำหนดให้รสชาติหวานและขม เป็นแบบเปรียบ (Source Domain) และรูปแบบของความรักที่ดีและไม่ดี เป็นแบบถูกเปรียบ (Target Domain)
เพราะเช่นนี้ เราเลยสามารถเห็นได้ตามบทสนทนาในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่ตามโฆษณาต่าง ๆ ที่เลือกใช้รสชาติในการเปรียบเปรยถึงความรัก
บางวัฒนธรรม สีแดงถูกใช้เพื่อสื่อความหมายอื่น ๆ นอกเหนือจากความรัก เช่น ในสังคมประเทศจีน ที่เชื่อว่าสีแดงเป็นสีของความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรือง หากพูดถึงสีที่สื่อถึงความรัก มักเป็นสีม่วงที่ชาวจีนเลือกให้ความยึดถือมากกว่า จึงกล่าวได้ว่า สีแต่ละสีจะมีความหมายในด้านใด และเป็นไปในทิศทางไหน ต่างก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ประวัติศาสตร์ หรือวัฒนธรรมของสังคมนั้น ๆ
สุดท้ายแล้ว สีและรูปทรงเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่มนุษย์ใช้สื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน เหมือนรูปทรงหัวใจและสีแดง ชมพู ที่สมาชิกในสังคมโลกใช้ร่วมกันด้วยความหมายค่อนข้างเป็นสากล โดยอาศัยการแพร่กระจายผ่านปัจจัยทางคริสต์ศาสนาตั้งแต่สมัยยุคกลางจนถึงปัจจุบันนี้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่เครื่องมือหรือปัจจัยที่จะสามารถใช้ในการสื่อถึงความรักได้ดีเท่าความรู้สึกนึกคิดแท้จริงของเรา แล้วความรักของทุกคนล่ะ เป็นสีอะไรกัน?
ข้อมูล :
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews