รู้ก่อนใช้ ! ถุงมือกันของมีคมมีกี่แบบ เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม

เมื่อพูดถึงความปลอดภัยในการทำงาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการโดนของมีคม เช่น งานตัดโลหะ งานช่าง หรืออุตสาหกรรมอาหาร “ถุงมือกันบาด หรือถุงมือกันของมีคมถือเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลย เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุแล้ว ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ปฏิบัติงานได้อย่างมาก
แต่รู้หรือไม่ว่าถุงมือกันของมีคมก็มีหลากหลายระดับมาตรฐานให้เลือกใช้ และแต่ละประเภทก็ออกแบบมาให้เหมาะกับงานที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการเข้าใจมาตรฐานถุงมือกันบาด และวิธีเลือกใช้อย่างเหมาะสม จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม
มาตรฐานสากลของถุงมือกันของมีคมมีกี่ประเภท?
ถุงมือกันบาดโดยทั่วไปจะถูกผลิตและทดสอบตามมาตรฐานสากลหลัก โดยทั่วไปมี 2 ประเภท ได้แก่
-
EN 388 (European Standard)
เป็นมาตรฐานจากยุโรปที่ใช้ประเมินความสามารถของถุงมือในการป้องกันการบาด ถลอก การฉีกขาด และการเจาะทะลุ โดยเฉพาะในงานอุตสาหกรรมหรือสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้ ระดับความต้านทานต่อการบาดจะถูกจัดลำดับตั้งแต่ 1 ถึง 5 เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกถุงมือได้อย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของงานแต่ละประเภท -
ANSI/ISEA 105 (American Standard)
มาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา ใช้ระดับการป้องกันการบาดตั้งแต่ A1 ถึง A9 โดยยิ่งระดับสูง ก็หมายถึงสามารถต้านทานแรงตัดได้มากขึ้น เช่น A1 สำหรับงานเบา ๆ และ A6 ขึ้นไปสำหรับงานอุตสาหกรรมหนัก
วิธีเลือกถุงมือกันของมีคมให้เหมาะกับงาน
การเลือกถุงมือที่ดี ไม่ใช่แค่ดูเรื่องระดับการกันบาดเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น
-
ลักษณะของงาน
หากเป็นงานเบา เช่น แพ็คสินค้าหรือแยกวัตถุดิบ ควรใช้ถุงมือกันบาดระดับ A2–A3
แต่ถ้าเป็นงานตัดโลหะ หรือใช้เครื่องมือคม ควรเลือก A5 ขึ้นไป -
ความคล่องตัวของมือ
ถุงมือที่กันบาดได้ดีมาก อาจมีความหนาและแข็ง ทำให้เคลื่อนไหวมือได้ลำบาก ดังนั้น ถ้างานต้องใช้ความละเอียดอ่อน ควรเลือกแบบบางแต่กันบาดระดับกลาง -
วัสดุที่ใช้ผลิต
ถุงมือกันบาดมักผลิตจากเส้นใยเคฟลาร์, HPPE, ไนลอน หรือสแตนเลสสตีล ถ้าเน้นความเบาและระบายอากาศ ควรเลือก HPPE แต่ถ้าเน้นความแข็งแรงสุด ๆ อาจใช้แบบผสมโลหะ
การเลือกถุงมือกันของมีคมไม่ใช่แค่หยิบมาใช้อะไรก็ได้ แต่ต้องเลือกให้ตรงกับประเภทงาน ระดับการป้องกัน และความสะดวกในการใช้งานจริง เนื่องจากการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมตั้งแต่แรก ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ แต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของพนักงานและคุณภาพการทำงานในระยะยาวอีกด้วย
ขอบคุณภาพจาก escopremium.com