Home
|
ไลฟ์สไตล์

บทลงโทษหากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ที่องค์กรต้องรู้

Featured Image

การบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย ส่งผลให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมอย่างเร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษที่รุนแรงทั้งทางการเงินและทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลางหรือใหญ่ ล้วนอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย PDPA เช่นเดียวกัน การจัดการเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลจึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ   

 PDPA คืออะไร

PDPA (Personal Data Protection Act) หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เป็นกฎหมายที่กำหนดหลักเกณฑ์ กลไก และมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ

  1. ปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล (Data Subject)
  2. สร้างมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับองค์กรต่างๆ
  3. กำหนดบทบาทและหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูล (Data Controller) และผู้ประมวลผลข้อมูล (Data Processor)
  4. สร้างความโปร่งใสในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล 

ดังนั้น การปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลอีกด้วย

 หากไม่ปฏิบัติตาม PDPA มีบทลงโทษอะไรบ้าง

หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA ก็มีบทลงโทษที่รุนแรงและหลากหลาย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่าย ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือขององค์กร บทลงโทษตาม PDPA แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ โทษทางแพ่ง โทษทางอาญาและโทษทางปกครอง โดยแต่ละประเภทมีรายละเอียดดังนี้  

 โทษทางแพ่ง

สำหรับโทษทางแพ่งนั้น เน้นที่การชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

  • เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิด PDPA สามารถฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้
  • ศาลสามารถกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้ชดใช้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
  • ในกรณีที่การละเมิด PDPA เกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ศาลอาจสั่งให้จ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อการลงโทษเพิ่มเติม (Punitive Damages) ได้อีกไม่เกิน 2 เท่าของค่าเสียหายที่แท้จริง
  • อายุความในการฟ้องร้องคดีแพ่งคือ 3 ปีนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงความเสียหายและรู้ตัวผู้ควบคุมข้อมูลที่ต้องรับผิด หรือ 10 ปีนับแต่วันที่มีการละเมิด   

 โทษทางอาญา

โทษทางอาญาเป็นบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดภายใต้กฎหมาย PDPA ซึ่งมักเกิดขึ้นในกรณีที่มีการกระทำผิดที่ร้ายแรง เช่น 

  • การเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • การเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Data) โดยไม่ได้รับความยินยอม ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดเผยแก่ผู้อื่นโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ  

โทษทางปกครอง

โทษทางปกครองเป็นบทลงโทษที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) สามารถสั่งปรับองค์กรที่ไม่ปฏิบัติตาม PDPA ได้โดยตรง ซึ่งมีอัตราค่าปรับที่สูงมาก ดังนี้  

  • การไม่ขอความยินยอมตามแบบที่กฎหมายกำหนด ปรับทางปกครองไม่เกิน 3,000,000 บาท
  • การเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม ปรับทางปกครองไม่เกิน 3,000,000 บาท
  • ไม่แจ้งวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ปรับทางปกครองไม่เกิน 1,000,000 บาท
  • ไม่จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ปรับทางปกครองไม่เกิน 3,000,000 บาท
  • ไม่แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) ในกรณีที่จำเป็นต้องมี ปรับทางปกครองไม่เกิน 1,000,000 บาท
  • ไม่จัดทำบันทึกรายการกิจกรรมการประมวลผลข้อมูล (ROPA) ปรับทางปกครองไม่เกิน 1,000,000 บาท

ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย แนะนำให้ใช้ระบบจัดการเอกสารที่ถูกออกแบบมา เพื่อรองรับการปฏิบัติตาม PDPA โดยเฉพาะ ช่วยให้องค์กรสามารถจัดเก็บหลักฐานการขอความยินยอม จัดทำบันทึกกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลและปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ของ PDPA ได้อย่างครบถ้วน

 สรุปบทความ

การไม่ปฏิบัติตาม PDPA นำมาซึ่งบทลงโทษที่รุนแรงทั้งทางแพ่ง ทางอาญาและทางปกครอง ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายที่สูงถึงหลายล้านบาท โทษจำคุกและความเสียหายต่อชื่อเสียงขององค์กร ด้วยเหตุนี้ การมีระบบจัดการเอกสารที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กรในยุคดิจิทัล  

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube