Red Nails Theory ว่าด้วยเรื่องเล็บสีแดงจะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต
ว่ากันว่าทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับความรักบนโลกใบนี้มีอยู่หลากหลายทฤษฎี ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดผ่านความเชื่อ แนวคิด ประเพณี เเละวัฒนธรรม และหลายครั้งเราก็มักจะเคยเห็นผู้คนหยิบเอาทฤษฎีเหล่านี้มาสร้างสรรค์เส้นทางความรัก ไปจนถึงสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง
เช่นเดียวกับในครั้งนี้กับทฤษฎีที่กำลังได้รับความนิยมบนโลกออนไลน์อย่าง “Red Nail Theory” หรือทฤษฎีเล็บสีแดง ว่าด้วยเรื่อง เพียงแค่ผู้หญิงทาเล็บหรือทาปากแดง ก็จะสามารถช่วยเสริมเสน่ห์ และดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น(เพศตรงข้าม) โดยเฉพาะในบริบทของความรักและความสัมพันธ์
โรบิน ดีมอนเต ผู้จุดประกายความคิดนี้ สังเกตว่าทุกครั้งที่เธอทาเล็บสีแดง ผู้ชายรอบตัวมักจะทักถึงเล็บของเธอด้วยความสนใจเป็นพิเศษ โดยเธอสันนิษฐานว่าเหตุที่เป็นแบบนั้น เพราะอาจทำให้ผู้ชายหรือผู้ที่พบเห็นนึกถึงแม่ของพวกเขาในวัยเด็ก เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงในยุค 90s มักนิยมทาเล็บสีแดง ซึ่งเป็นภาพที่ฝังอยู่ในความทรงจำ
“ในยุค 90s ตอนที่เรากำลังโต ผู้หญิงทาเล็บแดงกันเยอะ โดยเฉพาะพวกแม่ๆ ของเรา ฉันคิดว่าที่ผู้ชายรู้สึกดึงดูดกับเล็บสีแดง เป็นเพราะว่ามันทำให้เขานึกถึงมือของแม่ตอนที่แม่เลี้ยงและดูแลพวกเขา” เธอกล่าว
- สีแดงกับจิตวิทยาความดึงดูด
การทดลองทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นเคยพิสูจน์ว่าสีแดงมีอิทธิพลต่อความดึงดูดใจ ไม่ว่าจะเป็นการใส่เสื้อผ้าหรือทาเล็บ กลุ่มตัวอย่างในหลายเชื้อชาติ หลายวัฒนธรรม ต่างตอบสนองต่อสีแดงในลักษณะเดียวกัน งานวิจัยชี้ว่าสีแดงอาจกระตุ้นความรู้สึกหลงใหลและความน่าสนใจต่อผู้พบเจอ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกทฤษฎีเกี่ยวกับสีแดงจะได้รับการยืนยัน ผลการศึกษาใน “Revisiting the Red Effect on Attractiveness and Sexual Receptivity” ตั้งคำถามว่าสีแดงมีผลต่อการดึงดูดใจในระดับที่อาจเล็กน้อยกว่าที่เคยเชื่อ โดยปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความดึงดูด เช่น ใบหน้าและบุคลิกภาพ อาจมีอิทธิพลมากกว่า
“เราอยากเสนอว่าผลกระทบของสีแดงต่อการดึงดูดคู่ครองนั้นอาจมีผลเพียงเล็กน้อย ในการทดลองของเรา เราพบว่ากลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญกับสีของเครื่องแต่งกายน้อยกว่าปัจจัยอื่นๆ เกี่ยวกับความดึงดูด เช่นใบหน้าและเสื้อผ้า” ผู้วิจัยเขียนสรุป
อย่างไรก็ตาม มีอีกแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Red Nail Theory นั่นคือหลายๆ คนไม่ได้ใช้เล็บและลิปสติกแดงในเชิงหาคู่ แต่เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ตัวเองด้วย ซึ่งก็เป็นหนึ่งวิธีการใช้สีแดงที่มีงานวิจัยรองรับเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





