วันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving Day ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี นับเป็นอีกเทศกาลสำคัญไม่แพ้คริสต์มาสหรือปีใหม่เลยทีเดียว
วันขอบคุณพระเจ้า เป็นเทศกาล ประเพณีเก่าแก่ของชาวคริสต์ในแถบอเมริกา วันนี้ทุกคนจะขอบคุณครอบครัว มิตรสหาย เพื่อนบ้าน พระเจ้า สิ่งต่างๆ สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี
ประวัติวันขอบคุณพระเจ้า
ย้อนกลับไปราวๆ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 กลุ่มนักแสวงบุญที่มีชื่อเรียกว่า พิลกริมส์ ได้เดินทางมาที่อเมริกาเพื่อตั้งรกราก ในช่วงแรกนั้นเกิดความอดอยาก โรคภัยไข้เจ็บ อากาศที่หนาวเย็นทำให้พวกเขาพบเจอกับความยากลำบากอย่างมาก แต่พอในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือช่วงเก็บเกี่ยวพืชผล พวกเขาก็ผ่านมันไปได้
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้พวกเขาผ่านไปได้คือ ในช่วงนั้น ชาวพิลกริมส์ได้รับความช่วยเหลือจากชนพื้นเมืองอเมริกัน อย่างเผ่าวอมอาโน้ก พวกเขาได้สอนให้รู้จักการล่าสัตว์ ปลูกพืชต่างๆ ทำให้ชาวพิมกริมส์รู้สึกขอบคุณ เลยเชิญเผ่าวอมอาโน้กมาเฉลิมฉลองด้วยกัน อาหารหลักๆ คือ ไก่งวงหรือพืชผักต่างๆ ทำให้มันกลายมาเป็นอาหารจานหลักแบบที่เราเห็นทุกวันนี้
วันขอบคุณพระเจ้ากลายมาเป็นวันสำคัญและวันหยุดของสหรัฐอเมริกา ในช่วง พ.ศ 2406 เมื่อประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น ได้ประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันหยุดราชการของประเทศ ต่อมาประธานาธิบดี แฟรงคลิน รูสเวลท์ ก็ประกาศเพิ่มเลยกลายเป็นวันหยุดยาวอย่างที่เราเห็นกัน
เสริมส่งท้ายวันศุกร์หลังจากเทศกาล Thanksgiving จะมีวันที่เรียก Black Friday เป็นวันที่เกือบทั่วอเมริการ้านค้าต่างๆ จะลดราคาสินค้าแบบถูกสุดๆ สามารถที่เรียกว่า Balck Friday นั้นจากที่หามาหลายๆ แหล่ง ได้บอกไว้ว่า เดิมที่ใช้เรียกเหตุการจราจรที่ติดขัดในช่วงนั้น แต่พอต่อๆ มาคำนี้ถูกใช้เยอะขึ้น เลยใช้เปรียบเทียบกับ ร้านค้าที่ในช่วงเทศกาลนี้จะขายของได้กำไรกลับมา พลิกจากตัวเลขขาดทุน (สีแดง) มาเป็นทำกำไร (สีดำ)
วันนี้ก็นับเป็นอีกวันสำคัญสำหรับผู้นับถือคริสต์และประเพณีต่างๆ ก็ถูกนำมาใช้ไม่เว้นแม้แต่ในไทย เช่น ไก่งวงที่ร้านอาหารจะทำขายในช่วงนี้หรือ Black Friday ห้างร้านในไทยก็จัดโปรโมชั่นด้วยเช่นกัน ในวันนี้อย่างน้อยก็อยากให้ทุกคนขอบคุณคนที่ยังอยู่ข้างๆเราจนถึงทุกวันนี้ ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ ไอ.เอ็น.เอ็น.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
