รวม Quote ของตัวละคร จากภาพยนตร์ ซีรีส์ LGBTQ+ ที่ตรึงใจ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์และซีรีส์ LGBTQ+ ไม่เพียงแค่ได้รับการยอมรับมากขึ้นในกระแสหลัก แต่ยังเป็นพื้นที่ที่เปิดให้เราได้เข้าใจความรัก การค้นหาตัวตน และการต่อสู้เพื่อสิทธิอันเท่าเทียมอย่างลึกซึ้ง หนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ตราตรึงอยู่ในใจคนดู คือ “คำพูด” ที่แสดงออกถึงความรู้สึกและตัวตนของตัวละคร
ถ้อยคำเหล่านี้ไม่ใช่แค่บทสนทนาในบทหนัง แต่คือเสียงสะท้อนของชีวิตจริงที่ใครหลายคนเคยพบเจอ เราจึงอยากชวนคุณมาย้อนฟัง 7 คำพูดจากภาพยนตร์และซีรีส์ LGBTQ+ ที่ยังติดอยู่ในหัวใจของผู้ชมแม้เวลาจะผ่านไป

“ความรักมันไม่จำกัดเพศหรอกนะ รักใครก็ได้ที่เธอรัก อะไรที่ทำให้เธอมีความสุข”
จาก Blue is the Warmest Colour (2013)
หนึ่งในหนังรักดราม่าโรแมนซ์ที่ทั้งยาวและเข้มข้น เล่าเรื่องราวการเติบโตของ ‘อเดล’ และ ‘เอ็มม่า’ หญิงสาวสองคนที่ได้เรียนรู้ชีวิต ความรัก และความสูญเสียไปพร้อมกัน ประโยคนี้คือแก่นของหนัง และกลายเป็นประโยคที่หลายคนจำขึ้นใจ ว่าความรักไม่มีขอบเขต ไม่มีกรอบ ไม่มีเพศ

“ผมเป็นเกย์และผมเป็นลูกพ่อ สองสิ่งนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง โอเคนะครับ ยอมรับซะ”
จาก Boy Erased (2018)
เรื่องจริงอันเจ็บปวดของเด็กหนุ่มที่ถูกส่งเข้า “ค่ายปรับพฤติกรรม” เพราะครอบครัวไม่ยอมรับในตัวตนของเขา ประโยคนี้คือการลุกขึ้นยืนหยัดอย่างกล้าหาญ เพื่อบอกกับคนที่เขารักที่สุดว่า ผมคือผมและไม่ว่าใครก็ไม่ควรเปลี่ยนสิ่งนี้ได้

“เราคงคบมิวเป็นแฟนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้รักมิวนะ”
จาก รักแห่งสยาม
หนึ่งในหนัง Coming of Age ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในไทย ว่าด้วยความรักของโต้งและมิวในวัยที่ยังไม่เข้าใจตนเองอย่างชัดเจน คำพูดนี้คือภาพสะท้อนของความรักที่ไม่จำเป็นต้องมีสถานะ แต่อยู่ในใจตลอดไป

“เราต้องฆ่าตัวตนที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดก่อน เพื่อที่จะเป็นในสิ่งที่อยากเป็น”
จาก Rocketman
หนังชีวประวัติมิวสิคัลของ เอลตัน จอห์น ที่แสดงให้เห็นว่ากว่าชายคนหนึ่งจะยอมรับตัวเอง เขาต้องสลัดพันธนาการทั้งจากครอบครัว ความคาดหวัง และบาดแผลจากอดีต คำพูดนี้จึงเป็นเหมือนการปลดปล่อยและประกาศอิสรภาพของหัวใจ

“มึงจะไปเปลี่ยนความคิดคนทั้งโลกได้ไง ต่อให้วันนี้มึงจับมือผู้ชายเดิน มันก็จะมีคนที่โอเคกับมึง แล้วมันก็จะมีคนที่ไม่โอเคกับมึง”
จาก แปลรักฉันด้วยใจเธอ 1
ซีรีส์ไทยที่พูดเรื่อง LGBTQ+ ได้อย่างตรงไปตรงมา ผ่านตัวละครเต๋และโอ้เอ๋วที่ต่างก็เรียนรู้ เข้าใจ และเติบโตไปพร้อมกัน รวมไปถึงการก้าวข้ามผ่านความสับสนระหว่างเรื่อง ‘เพศ’ และ ‘ความรัก’ ของตัวละครเต๋ที่จะพาทุกคนเข้าใจ ‘มนุษย์’ ในอีกแง่มุมหนึ่ง

“ผมไม่ต้องการความเห็นใจหรือต้องการความเข้าใจของทุกคนเลย ผมแค่อยากเป็นตัวของตัวเอง ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ผมเลือก โดยที่ทุกคนให้เกียรติผมไม่ต้องมากไม่ต้องน้อย แค่เท่าเทียมกับที่คนคนหนึ่งควรจะได้รับ”
จาก คุณชาย (2022)
ละครย้อนยุคที่สะท้อนความขมขื่นของ LGBTQIA+ ภายใต้กรอบครอบครัวและวัฒนธรรมจีนยุคเก่า ตัวละครเทียนคือภาพแทนของคนจำนวนมากที่ต้องใช้ชีวิตหลบซ่อนเพียงเพราะไม่ตรงกับสิ่งที่คนอื่นคาดหวัง

“คำว่าตุ๊ดไม่ใช่คำหยาบ ถ้าใจเราไม่ได้เหยียด”
จาก มาตาลดา (2023)
ละครที่ไม่เพียงแค่เล่าเรื่องครอบครัว แต่ยังพาเราไปสำรวจคำว่า “การยอมรับ” อย่างลึกซึ้ง บทพูดนี้คือเครื่องเตือนใจให้เราเรียนรู้ที่จะเคารพผู้อื่นในความแตกต่าง โดยไม่แปะป้ายตีตราคำพูดตามกรอบสังคมเดิมๆ
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เพศอะไร หรือรักใคร ถ้อยคำจากตัวละครเหล่านี้คือเครื่องเตือนใจว่า การเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด และความรักในทุกรูปแบบ คือความสวยงามของชีวิต หากคุณมีประโยคไหนจากภาพยนตร์หรือซีรีส์ LGBTQ+ ที่ยังตรึงใจไม่ลืม บอกเราหน่อยสิ 💬🌈
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





