เปิดสาเหตุที่แท้จริง!บุ๋ม ตรีรัก เผยที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศเพราะต้องการเลิกกับแฟน พร้อมเคลียร์ใจเพื่อนรัก เอ้ ชุติมา
เปิดสาเหตุที่แท้จริง!บุ๋ม ตรีรัก เผยที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศเพราะต้องการเลิกกับแฟน พร้อมเคลียร์ใจเพื่อนรัก เอ้ ชุติมา ที่คาใจมายาวนานกว่า 20 ปี
สองคู่ซี้ตัวแม่ บุ๋ม ตรีรัก รักการดี” และ “เอ้ ชุติมา นัยนา” ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดแบบหมดเปลือกทุกเรื่องราวของชีวิตของ บุ๋ม ที่เล่าแบบเปิดอกว่าที่ตั้งใจย้ายไปต่างประเทศเพราะต้องการตัดใจเลิกกับแฟน พร้อมเคลียร์ใจเพื่อนซี้กับสิ่งที่คาอยู่ในใจมายาวนานกว่า 20 ปี พร้อมกับทุกเหตุการณ์ความรักที่เคยประสบมา
ถาม เห็นว่าความรักครั้งหนึ่งของ บุ๋ม มีถึงขั้นการทำร้ายร่างกาย ???
เอ้ ชุติมา : เขาดูเป็นตี๋ๆแต่งตัวเนี้ยบดูแล บุ๋ม ทุกอย่างแต่ต่อให้ บุ๋ม สวยแค่ไหนผู้ชายคนนี้เวลาเขาเจอใครเขาจะมีแอบมองตลอด คือ เขาไม่หยุด
บุ๋ม ตรีรัก : ผู้ชายเจ้าชู้เขาไม่หยุดถึงได้เชื่อเลยว่าต่อให้คุณหน้าตาดีอย่างไร นิสัยดีอย่างไร จริงใจกับเขาแค่ไหนเราก็พยายามปรับตัวเข้าหากับเขาสำหรับผู้ชายเจ้าชู้แล้วเขาไม่พอที่แค่เราเวลาที่เราเข้ามาทำงานในวงการทำให้เราได้เห็น ได้รับรู้เรื่องคู่คนนั้น คู่คนนี้ เราก็เลยถามตัวเองว่าเราจะมาทนอยู่กับผู้ชายที่เจ้าชู้ไปทำไม ทำไมเราไม่เปิดโอกาสแต่กว่าที่เราจะเปิดโอกาสเราก็ทนอยู่มาแค่ 7 ปีเอง ซึ่งเราก็จับได้เยอะแยะ จับได้ทะเลาะกันอยู่ป้ายรถเมล์โมโหเราตบเขา แล้วเขาก็ตบเรา (ถามว่าแรงไหม ก็แรงนะคะ หน้าหันเลย) แต่วันนั้นเราก็ยังไม่จบกับเขานะคะ หลังจากนั้นก็ยังคบกันอีกหลายปีนะคะ ถ้าจำไม่ผิดนะประมาณ 2-3 ปีหลังจากวันที่ตบกันมาแล้ว แล้วหลังจากนั้นก็มีบีบคอ จำได้แล้วที่เราขอเลิกอันนี้ก็เป็นบทเรียนเหมือนกันว่าเวลาที่จะขอเลิกให้ขอเลิกทางโทรศัพท์ (หัวเราะ) จริงๆเพราะว่าเวลาขอเลิกเขาอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วเขาก็บีบคอ เราเลยรู้สึกว่าต่อไปนี้เวลาจะเลิกกับใครขอเลิกทางโทรศัพท์ดีกว่า ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเลิกทางโทรศัพท์ตลอด (หัวเราะ)
เอ้ ชุติมา : เราก็จะคอยเป็นที่ปรึกษาคือเอาอย่างนี้ค่ะ คู่เอ้เป็นคู่เพื่อนสนิทกันแต่เวลาเรื่องครอบครัวของเขาลึกๆอย่างนี้เราจะไม่ยุ่งจนกว่าเพื่อนจะไม่ไหวจริงๆคนคนนี้จะโทรมาระบายแล้วขอเจอแล้วก็จะร้องไห้กอดกัน แต่ถ้าทนไหว คนนี้เป็นคนที่ไม่อยากให้เพื่อนเครียดตามแล้วก็อยากจะเคลียร์กันเองปัญหาในบ้านจนตอนเลิก เอ้ รู้เรื่องทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นจะเอาไว้เหรอ มาบีบคอเพื่อนฉันอย่างนี้
ถาม แล้วสุดท้ายที่ทำให้เราตัดสินใจเลิกคืออะไร มันมีเหตุการณ์หรือมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ไหวแน่ๆ
บุ๋ม ตรีรัก : จนกระทั่งตอนหลังเรารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นก็มาถึงเมืองไทย เราก็เลยรู้สึกว่าพอเถอะเขาตามมาถึงขนาดนี้เขาคงผูกพันกันแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันหลายๆครั้งเข้ารวามอดทนของเราน่าจะหมดได้แล้ว เราเลยรู้สึกว่าเรามามุ่งเรื่องงานแล้วกัน แล้วเราก็รู้ว่ามีคนมาชอบเราเหมือนกันเราก็เลยถามผู้ชายอีกคนหนึ่งว่าได้ข่าวว่าชอบฉันใช่ไหม งั้นเรามาเป็นแฟนกันไหม ชวนเพื่อนมาเป็นแฟน เหมือนเราอยากจะประชดเขาบ้าง
เอ้ ชุติมา : เอ้ ก็บอกว่าระวังนะ บุ๋ม หนีเสือปะจระเข้นะระวังดีๆนะ บุ๋ม เขาก็บอกเราว่าไม่ต้องห่วง บุ๋ม สกรีนคนนี้แล้ว เอ้ คนนี้โอเค
บุ๋ม ตรีรัก : เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ อย่าประชดอันนี้ก็คือ โดนกับตัวเอง
ถาม แปลว่าเราผ่านจากคนนี้เราบ๊าย บายเขาแล้วเริ่มกับคนใหม่ ตอนนั้นไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักมันเริ่มจากความประชด แค่อยากมีคนใหม่เพื่อให้จบ
บุ๋ม ตรีรัก : ใช่ค่ะ เจ้าชู้ดีนักใช่ไหมฉันก็มีคนอื่นได้นะ เสร็จแล้วเห็นว่าเพื่อนเราคนนี้ก็มองเรามานานเท่าที่เรารู้สึกเราก็เลยถามเขาว่าได้ข่าวว่าชอบเราเหรอ มาเป็นแฟนกันไหม เขาก็โอเคเลยได้คบกันแล้วก็เป็นแฟนกันจริงๆต่ออีก 7 ปี ก็เพราะถามอันนี้แหละค่ะ ถึงได้เป็นที่มาของเพลง มีแฟนหรือยังจ๊ะ ที่พี่ซุป แต่งให้เพราะตอนมาเป็นศิลปินคีตาเขาจะให้เราเขียนประสบการณ์ความรักระหว่างแฮปปี้กับอกหักก็เลยออกมาเป็นเพลงนี้ มีแฟนหรือยังจ๊ะ ซึ่งตอนที่เราคบกับเขา เราคบกันเขาน่ารักมาก หน้าตาดีด้วย หล่อมาก แต่งตัวดีมาก คือดูแลเราเหมือนเจ้าหญิงเลย ถือของให้ เปิดประตูให้ ถือรองเท้าให้เราด้วย เราก็ถึงได้หลงเขาไปเลย อยากทานอะไร เขาก็ไปหาซื้อมาให้ทำให้เราคือจริงๆแล้วผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่เข้ามาทำงานในวงการตั้งแต่เด็กๆเนี่ย ไม่ได้ต้องการอะไรเลยคือต้องการแค่นี้ แล้วก็ไปทำงานด้วยกันได้เพราะเราอยู่ในวงการเดียวกันเราจะมีเก้าอี้ให้เขานั่ง คือ ถ้าเป็นแฟนนอกวงการเนี่ย คือ เราเคยมีแฟนนอกวงการมาก่อนแฟนคนแรกของเราเราเลยรู้ว่าเวลาเราไปไหนแล้วเนี่ย ไม่มีพื้นที่ให้เขาอยู่รอเราทั้งวัน เพราะฉะนั้นเวลามีแฟนในวงการแล้วสะดวกดีไปไหนด้วยกันได้ตลอดเลย ตอนนั้นก็แฮปปี้ดีค่ะ
เอ้ ชุติมา : เวลาที่ บุ๋ม เขามีแฟนโลกของเขาจะเป็นสีชมพูเขาจะไปด้วยกันตลอดตัวติดกันมากๆกับแฟนเพราะเขาคอยดูแลกัน นานๆจะกินข้าวกัน เพราะเวลาที่ บุ๋ม เขามีแฟนเขาก็จะใส่ใจครอบครัว ดูแลเราก็จะชวนแค่เวลาไปต่างจังหวัดไปเที่ยวกันบ้าง แต่เวลาอยู่กับแฟน คือ เขาถ่ายละคร ทำงานถ่ายแบบทุกวันผู้ชายก็มีเก้าอี้ตัวหนึ่งไปนั่งเฝ้าเขาทุกวัน เขาน่ารักมากเลยนะคะ เขาใส่ใจ บุ๋ม มากคือถ้า บุ๋ม ต้องการอะไรเขาก็จะไปหาซื้อมาให้ บุ๋ม นะเราก็มองว่าตายแล้ว บุ๋ม แกโชคดีมากเลย
บุ๋ม ตรีรัก : เพราะเวลาที่ บุ๋ม ทำงานเสร็จกลับบ้านเราก็เหนื่อยแล้วค่ะ
ถาม แล้วทุกอย่างมันดีมาตลอดเลย แล้วมันเปลี่ยนตอนไหน แต่ๆมาตอนไหน แล้วตอนที่ตั้งใจจะไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นคือตั้งใจจะแยกกับแฟน???
บุ๋ม ตรีรัก : ค่ะ เพราะว่ามันถึงเวลามั้งค่ะ (ถามว่ารู้สึกว่าความรู้สึกที่เคยตื่นเต้นเร้าใจ ความสุข อิ่มเอมไม่มีแล้วไหม ) มันมีทุกอย่างแต่เรารู้อย่างเดียวว่าเพราะเขาไม่ผิดเขาไม่ได้มีใคร ถ้ายังอยู่ประเทศเดียวกันเราเลิกกับเขาไม่ได้เพราะเราก็รัก เราก็ตัดใจจากเขาไม่ได้เพราะฉะนั้นมีทางเดียว เราไปเรียนต่อดีกว่าและเราก็อยากจะไปเรียนต่ออยู่แล้วด้วย เราอยากไปใช้ชีวิตต่างแดน เราอยากทำงานกับชาวต่างชาติ ประสบการณ์ชีวิต เราอยากพูดภาษาอังกฤษได้เพราะตอนนั้นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
ถาม แล้วตอนนั้นไม่เสียดายงานเหรอเพราะว่าตอนนั้นงานเยอะมาก ???
บุ๋ม ตรีรัก : ตอนนั้นเรารู้สึกว่าทำงานในวงการมาตั้งแต่วัยรุ่นแล้วตั้งแต่ 19-20 ปี แล้วตอนนั้น 32 ปี เรารู้สึกว่าเราโอเคแล้วถึงจุดอิ่มตัวที่เรายังมีอะไรอีกมากมายที่เราอยากทำ อยากแตกต่างก็เลยตัดสินใจไปดีกว่า แต่เขาก็ยังอยู่บ้านเรานะเพราะว่าเราก็ซื้อบ้านอยู่ด้วยกันพอเสร็จแล้วเราไปได้ 3 ปี เขาก็ถามเราว่าจะกลับมาไหม ถ้าไม่กลับมาเนี่ย เขาขอไปมีชีวิตใหม่นะเราก็นึกในใจว่าถึงวันสักที รอมาตั้งนานเราก็อยู่ที่โน่นเราก็โทรคุยกัน ได้เลยเราก็ไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้นเอะใจเราก็เลยโทรมาเช็กเพราะว่าเรายังมีภาระผูกพันกันอยู่ก็คือบ้านเราที่เราซื้อเพื่ออยู่กับเขา เราไปค้ำประกันรถเขา เราก็เลยเอะใจ เลยโทรศัพท์ไปถามธนาคารว่าชื่อนี้เคลียร์เรียบร้อยหรือยัง เขาบอกว่าดีเลยนะคะที่คุณบุ๋ม โทรมาเพราะว่าบ้านกำลังจะโดนยึดเขาไม่ได้ผ่อนรถมา 6 เดือนแล้ว โอ้โห ทำอย่างไรดีฉันก็อยู่อเมริกาตอนนั้นปรี๊ดแตกเลย บ้านเกือบโดนยึดแล้วเราก็มีบ้านหลังนี้ให้ครอบครัวเราอยู่แค่นี้เองและเราก็ไม่ใช่คนรวยอะไร เราแค่ไม่มีหนี้ ฐานะพอกินพอใช้สบายๆแล้วเราเอะใจ ก็โทรศัพท์ไปอีกธนาคารหนึ่งที่ซื้อที่ดินร่วมกัน ก็กะเป็นเรือนหอว่าอย่างนั้นเถอะ ก็ซื้อแล้วก็ผ่อนด้วยกัน แต่พอดีเราจะไปโน้นเราก็บอกว่าเราไม่ผ่อนแล้ว เราให้เขาเงินที่ผ่อนด้วยกัน เงินต้นเราให้เขาหมดเขาบอกว่าเขาจะเอาเขาจะผ่อนต่อเราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะ 3 ปีมาแล้วคิดดูดอกเบี้ยเท่าไหร่ที่ไม่ได้ผ่อนเลยเราก็ไม่ได้ผ่อนด้วยหนี้ร่วมสิเนี่ย เราก็ได้ปรึกษาเพื่อนรุ่นพี่เพราะเราก็ไม่สะดวกก็เลยมอบอำนาจทนายความให้เขาดำเนินเรื่องไปก่อนก็เลยจบกันที่ว่าเขาก็ไปเคลียร์รถของเขาบ้านเราก็ไม่โดนยึดแล้ว
ถาม แล้ววินาทีแรกที่ บุ๋ม กลับมาเมืองไทยได้เจอหน้า เอ้ ครั้งแรกวินาทีแรกที่ได้เจอหน้ากันเป็นอย่างไร
เอ้ ชุติมา : เขาก็ยืนนิ่งเฉย แต่ในใจเราตึกตักอยากจะถามเพื่อนว่า (บุ๋ม ปาดน้ำตา) แก ฉันผิดอะไรแกหายไป 20 ปี ฉันแอบถามตลอดว่าแกเป็นอย่างไร แกโอเคไหม แกไม่เคยห่วงฉันเลยเหรอว่าฉันเป็นอย่างไร แกจะไม่คบกับฉันก็ได้นะแต่ฉันก็ยังรักแกเหมือนเดิม คือ เอ้ เป็นคนรักเพื่อนแล้วรักเลยนิสัยเป็นคนแบบนี้จริงๆเสร็จ บุ๋ม ก็เฉยๆยืนนิ่งเลยจริง โคตรเจ็บนี่เพื่อนนะ เราเป็นเพื่อนสนิทนะ สิ่งที่เราอยากจะถามเขาไม่กล้าถามอะไรเลยนั่งมองแล้ว เฮ้ย !! บุ๋ม มองหน้าเราเหมือนไม่ใช่เพื่อนสนิท 20 ปีที่เราอยากคุยกับเพื่อน บุ๋ม โคตรนิ่งเราก็คิดในใจ เลิกคบก็เลิก จะได้ตัดเลยไม่มีเพื่อนอย่างนี้แล้วตัดเลยจบเลยจริงๆวันนั้น


ถาม แล้วคำพูดประโยคแรกที่ได้พูดกันคืออะไรใครเป็นคนพูดก่อน
บุ๋ม ตรีรัก : ก็ทักเขาเหมือนเพื่อนทั่วไปค่ะ เมื่อกี้ บุ๋ม ฟังเขานะ แล้ว บุ๋ม ก็นึกถึงวันนั้นที่เราเจอเขาวันแรกพร้อมศิลปิน คีตาทุกคน เออเนอะ ฉันนิ่งจริงๆวันนั้น เหมือนเขาเป็นเพื่อนศิลปินทั่วไปเหมือนไม่ใช่เพื่อนสนิทกันเลย เมื่อกี้ที่ฟัง เอ้ ก็เลยนั่งนึกถึงวันนั้นก็ยอมรับว่าเราใจดำจริงๆ
เอ้ ชุติมา : แต่ฉันไม่พูดเพราะไม่อยากให้เขาเสียใจ
บุ๋ม ตรีรัก : เขาไม่เคยพูด ไม่เคยทัก ไม่เคยต่อว่า นี่คือครั้งแรกที่เขา
เอ้ ชุติมา : ก็มันน้อยใจ บอกแล้วว่ามารายการนี้จะพูด อยากพูด (บุ๋ม ดึง เอ้ มากอด)
ถาม แล้วหลังจากวันที่ได้ขึ้นเวทีตรงนั้นวันที่เราไปซ้อมกันมีโอกาสได้เข้ามาเคลียร์กันถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้น 20 ปีนั้นไหม
บุ๋ม ตรีรัก : บุ๋ม ไม่ได้พูดถึงเลย (เอ้ เขาเองก็ไม่ได้ถาม) เนี่ยค่ะ ครั้งแรกเลยที่เขามาพูดแบบน้อยใจเขาไม่เคยเลยนะ คิดดู บุ๋ม กลับมาตั้ง 2 ปีแล้วแถมร่วมงานกันจำได้ไหมตอนนั้นที่สบู่ช่วยเหลือทางโรงพยาบาล สบู่สู้โควิดทำโปรเจกต์นี้เจอกันทุกอาทิตย์ เอ้ ก็ไม่เคยบ่น ไม่เคยบอกนอกใจไม่เคยทวงถามความรู้สึกเลยจน บุ๋ม ไม่รู้เลยว่าเขาน้อยใจเสียใจขนาดนี้
เอ้ ชุติมา : คิดดูทำอย่างไรให้ได้คุยกับ บุ๋ม ได้เจอแล้วอยากเคลียร์กับเพื่อนไม่ว่า บุ๋ม จะไปสบู่ต้านโควิดจะไปที่ไหน กี่โรงพยาบาลก็ตามต่อให้มีคิวละคร คิวงานอยู่ เอ้ ยกเลิกหมด เอ้ ยุ่งมาก งานเยอะมาก แต่ขอทุกอย่างเพื่อ ตรีรัก อยากคุยกับเพื่อนอยากจะถามแต่ไม่อยากให้เพื่อนเสียความรู้สึก
บุ๋ม ตรีรัก : ไปด้วยกันทุกงาน 10 อาทิตย์ แต่ เอ้ ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย
เอ้ ชุติมา : ไม่พูดเลยเพราะเราไม่อยากให้เพื่อนคิดมากและพยายามจะแบบ เมื่อไหร่ บุ๋ม จะพูดเมื่อไหร่ บุ๋ม จะรู้สึกเหมือนที่ เอ้ เคยเป็นเพื่อน บุ๋ม มาก่อนเมื่อไหร่จะรู้สึกอย่างที่เพื่อนคนนี้ให้ใจ 100 เปอร์เซ็นต์กับเขาเขาให้ใจ เอ้ ไม่เหลือ 3-5 เปอร์เซ็นต์หรือเปล่าไม่รู้แล้วก็ไปทุกครั้งนะ 10 โรงพยาบาล (น้ำตาคลอ) จนมารู้สึกตัวโรงพยาบาลที่ 8 เขาบอกเราว่าแกมากับฉันทุกโรงพยาบาลเลยฉันเกรงใจเราก็บอกว่า บุ๋ม เราคือเพื่อนกันจะเกรงใจทำไม ไม่ต้องเกรงใจ แกอยู่ที่ไหนฉันอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะมีงานอะไรฉันก็จะไปเป็นเพื่อนแก เพราะแกอาจจะไม่ชินกับเมืองไทยแกอาจจะยังไม่เข้าใจว่าจะต้องพูดอย่างไร ฉันจะคอยช่วยพูดให้จนโรงพยาบาลที่ 8
บุ๋ม ตรีรัก : เพิ่งจะสำนึก พูดตรงๆประโยคนี้แล้วกัน เพิ่งจะสำนึกน้ำใจเพื่อนคนนี้ก็เลยโทรไปบอกว่า เอ้ เราประทับใจมากเลยนะเราไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเหมือนเดิมกับเราขนาดนี้เพราะเราก็รู้ว่าคิวเขาแน่น เขาส่งคิวมาให้ บุ๋ม ทียาวมากทั้งเดือนแทบไม่มีวันหยุดเลยแล้วเขายังไปสลับคิวคนนั้นคนนี้เพราะเราต้องไปทุกอาทิตย์ 10 โรงพยาบาล จนเราเริ่มรู้สึกผิดทำเพื่อนคนนี้ให้ใจเราขนาดนี้จนเราบอกแม่ เอ้ เหมือนเดิมอะแม่ เอ้ ไม่เคยเปลี่ยนเลย เป็นคนมีน้ำใจอย่างไร 20 ปีต่อมา เอ้ ก็เหมือนเดิมกับ บุ๋ม เลยเริ่มรู้สึกแย่คือเราเริ่มรู้สึกผิดไปแล้วว่าเรานิสัยไม่ดีกับเพื่อนใจร้ายใจดำนะ บุ๋ม ตรีรัก สมัยก่อนนะ สมัยตอนนี้ดีขึ้นแล้วนะ (เอ้ + บุ๋ม กอดกัน)
สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :
https://youtu.



ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news





