fbpx
Home
|
บันเทิงไทย

เข็ดไปจนวันตายที่แอบมีกิ๊ก ต๊อก ศุกภร สาบานไม่กล้านอกใจภรรยา อุ๋ย ทัศรินทร์ ไปตลอดชีวิต

Featured Image

เข็ดไปจนวันตายที่แอบมีกิ๊ก ต๊อก ศุกภร สาบานไม่กล้านอกใจภรรยา อุ๋ย ทัศรินทร์ ไปตลอดชีวิต พร้อมเปิดเป็นโรคประหลาดที่คนสามารถเป็นได้แค่ 3 เปอร์เซ็นต์บนโลก

 เพราะอดีตสกัดกั้นความรู้สึกให้คงมั่นใจคงทนในความรักไม่ได้เลยทำให้ ต๊อก ศุภกร กิจสุวรรณ พลาดพลั้งแอบนอกใจภรรยาสุดที่รัก อุ๋ย ทัศรินทร์ ไปบ้างช่วงที่เป็นพระเอกดัง เมื่อทั้งคู่ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการClub Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เจ้าตัวก็ได้เปิดใจอยากหมดเปลือกว่าช่วงนั้นธรรมะแตกทำให้ใจแตกแอบนอกใจภรรยาไป แต่วันนี้ตอนนี้ คือ เข็ดแล้วไปจนวันตายไม่กล้านอกใจแล้วตลอดชีวิต พร้อมกัน ต๊อก ยังได้เปิดเผยความลับที่ไม่เคยเปิดที่ไหนถึงโรคประหลาดที่ตัวเองเป็นเพราะจะมีเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์บนโลกที่เป็นโรคนี้

 

ถาม และอีกหนึ่งวีรกรรมคือในตอนที่เรากำลังเป็นพระเอกที่กำลังดังแล้วก็มีเกียรติศักดิ์ในเรื่องของความเจ้าชู้

อุ๋ย ทัศรินทร์ : ฮัลโหล..เธอคือใคร ผู้หญิงคนนั้นเขาถามเรากลับมาแบบนี้ตอนนั้นเวลาประมาณตีสามเลยค่ะ ซึ่งเราก็หลับไปแล้วด้วย เขาถามเรามาว่าเธอคือใคร เราก็ถามกลับไปว่าแล้วเธอคือใครอะไรอย่างนี้ เหมือนเขาก็อยากมาแสดงตัวว่าเป็นเป็นใครอะไรอย่างนี้

ต๊อก ศุภกร : เรื่องนี้อธิบายได้ ก็คือผมตอนนั้นประมาณปีที่ 7 ครับ เริ่มมีทัวร์ไปประกวดนางแบบหลายๆที่ครับ แล้วเราเป็นกรรมการ เป็นกูรูให้คะแนน ตอนนั้นก็เลยมีอยู่คนหนึ่งน้องเขาก็ มีพิเศษใส่ไข่ครับ ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งเรามีความรู้สึกว่าช่วงชีวิตวัยรุ่นของเราขาดไปหรือเปล่าคุยกับตัวเองนะครับ เราก็เลยรู้สึกว่านี่เราน่าจะลองเปิดใจดูนะ ธรรมะแตกครับตอนนั้น ตอนนั้นแตกปีที่ 7 ครับ แต่สุดท้ายก็กลับมาได้ครับ

อุ๋ย ทัศรินทร์ : ซึ่งตอนนั้นที่กลับมาได้ใช่ไหมค่ะ คืออย่างนี้ค่ะ คือ เขามาแสดงตัวตนแล้วแสดงว่าอุ๊ย!!มีจริง เพราะเราไม่เคยระแวงเขามาก่อนเลยเพราะว่าเขาดีกับเราก็เลยเอาอย่างนี้นะคะ เราก็บอกผู้หญิงคนนั้นว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เรานัดเจอกันเราไปเจอกันที่หน้าบ้าน พี่ต๊อก เลย (ถามว่าตอนนั้นโมโหไหม) มันไม่ทันโมโหค่ะ เพราะว่าช็อกๆอยู่ เราก็นัดเจอเขาก็มาค่ะ กล้ามาฉันก็มา พอเราอยู่ที่หน้าบ้านของ พี่ต๊อก พอเขาเห็นเรากับผู้หญิงคนนั้นคงทำตัวไม่ถูกมั้งคะ วันนั้นเพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเราบ้างจนเห็นเราสองคนเดินเข้ามาหน้าบ้านพร้อมๆกัน

 

ถาม วันนั้นคือ อุ๋ย ไปรับผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเองเลย

อุ๋ย ทัศรินทร์ : ใช่ค่ะ ไปรับเขาด้วยตัวเราเองเลย แต่แปลกมากเลยนะคะ ความรู้สึกในรถ ถ้าเกิดว่าเป็นภาพยนตร์ไทยน่าจะตบกันมากกว่า แต่วันนั้น เรารู้สึกว่าเขาเหมือนเพื่อนเรา เพราะเรารู้สึกว่าเหมือนเป็นคู่ตกทุกข์ได้ยากพร้อมๆกันเพราะเราเป็นคนที่เจ็บปวดเหมือนกัน

ต๊อก ศุภกร : ขนลุกเลยครับ เฮ้ย!! อะไรเนี่ย มันเป็นจริงเหรอเนี่ย เราทำอะไรลงไป นี่ไงกรรม คือ สิ่งที่เราทำไว้นี่ไงเพราะทุกอย่างที่ทำมีเอฟเฟกต์เสมอเราทำอะไรไว้นี่ไงๆถึงเวลาแล้ว แล้วมันเป็นเวลาที่ทรมานเพราะว่าเราเป็นคนที่รู้จักทั้งสองคน แล้วสองคนนี้กำลังเฮ้ย !! คุณทำอะไร แล้วเราก็ต้องบอกเขาว่า ใช่ !! เราทำเองนั่นแหละ เราขอโทษนะตอนนี้เราขอตั้งหลักก่อนได้ไหม เดี๋ยวขอจบ          3 รายการนี้ก่อนเนอะ แล้วก็คือว่าเราก็กลับไปอยู่กับตัวเองกันก่อนเนอะ แล้วสุดท้ายก็คือ ไปหา อุ๋ย เขานี่แหละ เราก็โทรหาเขาเพราะมีความรู้สึกว่าในสถานการณ์นั่นน่ะถ้าเราไปบอกหรืออะไรในตอนนั้น คนที่โดนเขาจะเจ็บปวดมาก ไม่ว่าจะเป็นใครโดน หรือเราเองเราก็เจ็บนะ ก็เลยค่อยๆแล้วก็ให้เวลามันค่อยๆปรับตัวไป

ถาม มีอีกครั้งที่ ตอนนั้นเรากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แต่เรากำลังไปสร้างความสัมพันธ์ที่บอกว่าก่อร่างสร้างตัวกันใหญ่โต เรานึกอะไรใจเราถึงถลำไปขนาดนั้น

ต๊อก ศุภกร : ช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่เหมือนกับความเราสะสมประสบการณ์และอายุเริ่มเยอะขึ้น และเริ่มไม่เหมือนตอนที่เราเด็กๆที่มีความใสแล้ว เริ่มดีไซน์เองแล้ว ตอนนั้นในช่วงนั้นคิดแบบนั้นครับ เราก็คิดว่าก็ดีเหมือนกันนะที่มีอีกคนเราก็เลือกเลยแล้วก็อยู่อย่างนั้นครับ เข้ามาสองคนทีนี้เราต้องเลือกแล้วเพราะจะอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วเพราะว่ามีความรู้สึกว่าเหนื่อยแล้วเพราะว่าเราทำอะไรขนาดนี้ มันกลับมาประวัติศาสตร์ได้ไงเนี่ย ซึ่งตอนนั้นเราก็ลึกไปถึงขั้นที่เราซื้ออสังหาริมทรัพย์ด้วยกันแล้ว ที่เราซื้อสิ่งที่เราคิดตอนนั้นคือ มันขายต่อได้แล้วก็มันทำกำไรได้นะ คือ แบบนี้นะครับที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ร่วมกับผู้หญิงอีกคนคือ ซื้อไว้เพื่อเกร็งกำไร ไม่ได้ซื้อเพื่อที่จะอยู่ด้วยกันนะครับ

 

ถาม ทำไมไม่ซื้อกับภรรยา ??

ต๊อก ศุภกร : เพราะเราก็ไม่เคยได้คุยเรื่องนี้กับภรรยาเลย

อุ๋ย ทัศรินทร์ : คือ เราจะไม่มี part นี้เวลาอยู่กับ พี่ต๊อก เลยค่ะ หมายถึงแบบไม่ได้คิดว่าจะต้องมีแบบอนาคตจะต้องเป็นยังไงนะ คือ ทุกอย่างเราคิดว่าแต่งแล้วค่อยมีทุกๆอย่างเหมือนเป็นครอบครัวค่ะ เราเหมือนต่างคนต่างอยู่ตอนนั้นเราก็เหมือนกับยังเป็นแค่แฟน

ต๊อก ศุภกร : แล้วตอนนั้นเขาเลี้ยงสุนัข11 ตัวผมก็ไปโน้นนี่ได้สบาย ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงแล้ว ตอนนี้แย่แล้วกลับบ้านยัง(หัวเราะ) ตอนนั้นสุนัขเยอะครับ สุนัขช่วยผมเยอะช่วงนั้น ตอนนั้นให้โอกาส

 

ถาม สุดท้ายตอนนั้นเคลียร์กันยังไง

อุ๋ย ทัศรินทร์ : กับเรื่องนี้เคลียร์ก่อน จะมีการสู่ขอและแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวเคลียร์แล้ว เราไม่รู้ว่ามันมีหลายๆระลอกตามๆมามันเลยทำให้เราเกิดความไม่ไว้ใจกับคนคนนั้นนะคะ แต่สำหรับเราเราเคลียร์แล้ว แต่กับคนคนนั้นเป็นเรื่องที่เพื่อนๆมาบอกให้ฟังหลังจากแต่งงานไปแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง คือ โมเมนต์ไปจนถึงแต่งงานเนี่ย เรารับรู้แค่ว่าทุกอย่างเคลียร์แล้ว Happy ending แล้วแต่งงาน ส่วนเรื่องที่เรามารู้ทีหลังจากแต่งงานก็คือ คนคนนั้นเขาโทรศัพท์ไปหาคุณแม่กันนะ ซึ่งในวันที่เราแต่งงานเพื่อความปลอดภัยเราก็ขอให้เพื่อนของเราช่วยบล็อกทุกจุดนะถ้าคนหน้าแบบนี้ไม่ให้เข้ามาในงานนะ คือ กันไว้ก่อน แต่ตอนนั้นเรารู้สึกว่าคนแต่งงานแล้ว มันคือเหมือนกับเคลียร์แล้ว

ต๊อก ศุภกร : วันที่แต่งงานคือ ผมไม่ได้นอนเลยครับ ไม่ได้กลัวคนคนนั้นเขามาถล่มนะครับ คือ อุ๋ย เขากลัวประมาณจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไหม เขาก็ให้พี่ๆเพื่อนๆมาดูเรา แต่เราก็ไม่ได้ไปไหนครับ เพราะเขากลัวว่าเราจะไปไม่ทันงานแต่งงานเดี๋ยวสาย

อุ๋ย ทัศรินทร์ : ใช่ๆค่ะ ตอนนั้นยอมรับเลยว่ากลัวเพราะว่างานแต่งงานไม่ใช่แค่งานของเราไงค่ะ ยังรวมถึงคุณพ่อคุณแม่ญาติพี่น้องคนที่รักเราเยอะแยะมันมีอะไรมากกว่านี้ ซึ่งก็ยอมรับว่าในวันที่เราแต่งงานกับเขาเราก็ยังคงหวาดระแวงอยู่เลยค่ะ แต่รู้สึกเหมือนเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ กับ 10 เปอร์เซ็นต์ เรารู้สึกว่าเดี๋ยวทุกอย่างมันก็คงจะดีขึ้นหลังจากผ่านวันแต่งงานไป

 

ถาม แล้วชีวิตหลังแต่งงานเป็นอย่างไรบ้าง

อุ๋ย ทัศรินทร์ : หลังแต่งงานนะคะ เราก็คิดว่าชีวิตก็ Happy ending แล้วล่ะ เดี๋ยวแต่งงานเราก็จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว เพราะว่ามันคือขีดเส้นว่าแต่งงานแล้วนี่ เพราะฉะนั้นใครจะเข้ามาทำลายครอบครัวเราอีกไม่ได้แล้ว ใครเข้ามาหลังจากนี้จะเป็นการผิดกฎหมายนะ ไม่ถูกศีลธรรม คราวนี้ชัดเจนเลยเชื่อไหมคะ มันเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยอะไรที่เราระแวง อะไรที่เราไม่มีความสุขกับความรักมันแบบสบายใจไปเลยหลังจากที่เราแต่งงาน มันเหมือนกับเข้าเส้นชัยแล้วในที่สุดก็โอเค แล้วยิ่งวันหนึ่งเรามีลูกยิ่งโอเคเข้าไปใหญ่เลยแล้วทุกวันนี้ก็ยังมองหน้าลูกอยู่เลยนะเหมือนแบบ เหมือนเธอเกิดมาให้แม่สบายใจขึ้นเลยไม่งั้นมันก็จะต้องจมอยู่กับความระแวงอะไรตลอด ก็เลยรู้สึกว่ามันสนุกแบบกลับขึ้นมาดีอีกครั้งหนึ่งหลังจากแต่งงานนะคะ  แต่ ….. สิ่งที่มากวนใจกลับกลายเป็นไม่ใช่เรื่องชู้สาวแต่เป็นเรื่องตัวเขาล้วนๆเลยค่ะ เรื่องการเลี้ยงลูก เรื่องการช้า เรื่องการตอบไม่ตรงคำถามยังเป็นอยู่เสมอต้นเสมอปลาย คือ ถ้านั่งสัมภาษณ์กันไม่กี่ชั่วโมงเนี่ย ก็จะไม่เป็นอะไรค่ะ ก็จะตลกสนุกสนาน คัตได้อะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ในชีวิตจริงเนี่ย โอ้โห เราจะต้องอยู่อย่างนี้ อยู่กับคนคนนี้ค่ะ ไปตลอด 24 ชั่วโมง เราก็จะโทรศัพท์ถามเขาบ้างว่า พี่ต๊อก อยู่ไหนแล้ว (คือคำว่าอยู่ไหนแล้วไม่ได้จิกกัด หรือ จิกให้กลับบ้านนะคะ) แค่อยากรู้ว่าจะได้ทำอาหารไหม หรือว่าจะไปรับลูกแทนเราได้ไหมคือต้องการคำตอบแค่นั้น) พอเราถามว่า อยู่ไหนแล้ว เขาก็จะตอบเราว่า นี่ผมกำลังจะไปที่นี่นะ ที่นี่เขาดีมากเลยคุณมันเป็นบริษัททำ….. คือ ไม่ตรงคำถามเลย หรือบางทีพูดรวบรัดเลย เคยจับเข่านั่งคุยกับเขาเหมือนกันนะคะ ว่าจะตอบให้มันตรงทีหนึ่งไม่ได้เหรอ เขาก็ตอบเราว่าความคิดเขาเหมือนตอบไปแล้ว เหมือนเขาตอบคำนี้ไปแล้วนะ แล้วเขาก็เล่าเรื่องอื่นต่ออะไรอย่างนี้ค่ะ คือ เราก็แอบกังวลทุกครั้งที่ พี่ต๊อก จะต้องไปออกรายการ หรือ ให้สัมภาษณ์อะไรนะคะ เราจะเป็นห่วงทีมงานมาก เพราะสิ่งที่เขาเป็นมาทั้งหมดคือเขาเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้

ต๊อก ศุภกร : เขาเคยพาผมไปเช็กที่กรมวิทยาศาสตร์อะไรไม่รู้เขา ทางนั้นเขาก็บอกว่าขอความร่วมมือได้ไหม ขอร้องให้ คุณต๊อก เป็นที่ปรึกษาได้ไหมเพราะว่ามองโลกในแง่ดีมากเลย เขาหาคนประเภทนี้อยู่

อุ๋ย ทัศรินทร์ : คือ ที่เราไปมันจะเป็นเหมือนกับที่วิเคราะห์ลายนิ้ว ว่าแบบคนคนนี้สมองเป็นอย่างไร อุปนิสัยเป็นอย่างไร แล้วมีความสามารถพิเศษด้านไหนอะไรอย่างนี้ค่ะ ซึ่งหมอก็บอกว่าคนอย่างนี้มีแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ในโลกค่ะ ซึ่งถือว่าดีมากไม่ได้ดีที่มีการวิเคราะห์ทางจิตอะไรทั้งสิ้นนะคะ แต่ดีที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจขึ้นมากับสิ่งที่เรากำลังจะรู้สึกแย่มากอะไรอย่างนี้ ตอนนั้นนะคะ แล้วเนี่ยมันก็เลยเหมือนเป็นสิ่งอีกหลายๆอย่างที่เราเพิ่งค้นพบว่าจริงๆแล้วเราไม่มีแบบแผนนะคะ ว่าจริงๆการทำให้ชีวิตคู่ดีขึ้นคืออะไร แต่เราคิดเอาเองกับความรู้สึกเราว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกเฟลกับคู่ของเราตอนนั้นเราก็ได้ค้นพบว่ามันคือการเรียกศรัทธากลับมาด้วยอะไรก็ได้อย่างที่เขาไม่เหมือนใคร 3 เปอร์เซ็นต์ในโลกนี่ก็อุ๊ย !! เราโชคดีนะเนี่ยที่เรามีคนอย่างนี้เป็นหัวหน้าครอบครัว

สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :

https://youtu.be/jtSucdAw9ww  

https://youtu.be/0GRKzWz8YZA  

https://youtu.be/SkX20Zj3y58  

ติดตามเนื้อหาดีๆ แบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_ne

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube