fbpx
Home
|
บันเทิงไทย

เปิดหมดเปลือก แยม ฐปณีย์ รับเคยเป็นนักข่าวมีค่าหัวโดนขู่ฆ่า

Featured Image

เปิดหมดเปลือก แยม ฐปณีย์ รับเคยเป็นนักข่าวมีค่าหัวโดนขู่ฆ่า พร้อมเคลียร์ชัดกับคู่จิ้นในวงการข่าวที่เกิดประเด็นร้อนว่าเคยนอนด้วยกันมาแล้ว และลุ้นเจอคนที่ใช่ได้สละโสดแต่งตอนอายุ 60 ปี ตามคำทำนาย

 

 สำหรับนักข่าวสาวสุดแกร่งแยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ที่เป็นอีกบุคคลที่มอบชีวิตเวลาและทุ่มเททุกอย่างให้กับอาชีพนักข่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบจนเรียกว่าคืนลมหายใจเลยก็ว่าได้ เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 แยม ฐปณีย์ ก็ได้เปิดหมดทุกเรื่องราวของชีวิตในการทำข่าวแบบทุกซอกทุกมุมทั้งในเหตุการณ์ที่เฉียดตายในงาน และ การที่ต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างก่อนลงสนามเพื่อทำข่าว แต่เพราะเป็นนักข่าวที่รายงานตรงจนถึงขนาดที่โดนขู่ฆ่ามีค่าหัวขึ้นมา พร้อมเคลียร์ชัดกับคู่จิ้นในวงการข่าวที่เกิดประเด็นร้อนว่าเคยนอนด้วยกันมาแล้ว และลุ้นเจอคนที่ใช่ได้สละโสดแต่งตอนอายุ 60 ปี ตามคำทำนาย

 

ถาม มีความพร้อมที่จะรายงานข่าวทุกวินาทีแม้ตัวตายต้องได้ภาพข่าว

แยม ฐปณีย์ : อย่างเรานั่งเครื่องบินอย่างนี้ค่ะ เวลาเราคิดว่าเกิดเครื่องบินตกเราก็จะคิดไว้ก่อนเลยว่า เอ๊ะ กล้องอยู่กับตัวเราหรือเปล่าแล้วเราจะทำอย่างไรให้คนรู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นว่าทุกคนกำลังอยู่ในภาวะอันตราย เราต้องคิดว่าถ้าเหตุการณ์แบบนั้นเรามีความพร้อมในการรายงานข่าวแค่ไหน กล้องเราอยู่กับตัวไหม หรืออยู่ในกระเป๋า แล้วถึงเวลาเนี่ย เราจะหยิบทันไหม หรือเราสามารถอัดเสียงอะไรไว้ได้หรือเปล่าเพื่อที่จะให้รู้ว่าเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้เราตายไปจะได้มีภาพในโทรศัพท์จะได้ให้รายงานข่าวค่ะ คือ บางทีเราก็คิดไปตามคนที่บ้าพลังค่ะ เพราะทุกวินาทีในชีวิตเรา มันกลายเป็นข่าวไปหมดค่ะ 24 ชั่วโมงของ แยม เอาแค่ช่วงโควิดนี้นะคะ คือ แยม ทำงาน 3 อย่างค่ะ ในปัจจุบัน ยังคงทำรายการข่าว 3 มิติอยู่ช่วงกลางคืน และทำข่าวของ The Reporters ซึ่งเป็นออนไลน์ และก็ดูแลร้านอาหาร บ้านพี่แยมแล้วเราก็เลยต้องตื่นเช้ามาช่วยน้องแล้วบางทีถ้าว่างเราก็ช่วยเขาไปส่งข้าวกล่อง พอเสร็จจากนั้นเราก็จะมานั่งเคลียร์ข่าว The Reporters เพราะเราเป็นทั้งบ.. เป็นทั้งนักข่าวด้วย บางทีเราก็ต้องลงพื้นที่ไปไลฟ์สดในเหตุการณ์ ขณะนั้นด้วย และเราก็ต้องทำ 3 มิติด้วย ช่วงค่ำ เราก็เขียนสคริปต์ข่าว ส่งข่าว 4-5 ทุ่มก็กลับมาเคลียร์งานของ The Reporters บางทีก็นอนตี 1 ตี 2 แล้วก็ตี 4 บางทีตื่นมาช่วยน้องทอดไข่ดาวค่ะ บางวันก็นอน 2 ชั่วโมง บางทีก็ 4 ชั่วโมง เพราะขนาดตอนที่นอนเราก็ยังทำงานได้(หัวเราะ) แบบบางทีเราหมดแรงเราก็นอนไป เราทำออนไลน์ เราก็ตรวจข่าวในเพจบางทีเราก็ต้องมานั่งแก้หัวข้อข่าวหรือพิมพ์ข่าวเนี่ย แล้วเราก็หมดแรงหลับไปพอเราตื่นขึ้นมาดูเราก็ยังงงเลยว่ามีคำนี้เราพิมพ์ไปด้วยเหรอ สรุปเราพิมพ์ ตอนนั้นเราอาจจะหลับไปแล้วเราคงละเมอ (หัวเราะ) ซึ่งที่เรามีชีวิตที่เป็นแบบนี้ก็น่าจะประมาณ 20 ปีที่เป็นนักข่าวค่ะ

 

ถาม แล้วร้าน บ้านพี่แยม แน่นอนคือ การเป็นคนที่ทำข่าวคือเห็นภาพชัด แต่ร้านอาหารมีแรงบันดาลใจจากอะไร

แยม ฐปณีย์ : เป็นคนทำกับข้าวได้ค่ะ สำหรับตัว แยม แต่น้องชายทำอร่อยกว่าด้วยความที่ต้องดูแลครอบครัว มันถึงจุดที่ว่าบางทีภาระในครอบครัวค่ะ ค่าใช้จ่ายก็เยอะ ก็เลยหาอาชีพว่ามีอาชีพอะไรสำรองบางแล้วคือ น้องชายเขาทำอาหารเก่ง อาหารใต้ ขนมจีน ทำอร่อยเราก็เลยเกิดไอเดียว่าถ้าทำอย่างนั้นเปิดร้านอาหารแล้วให้น้องชายเป็นคนทำอาหาร บริหารจัดการ ก็เลยเป็นที่มาของการทำร้าน บ้านพี่แยม และก็หาเงินทุนเพื่อที่จะให้ตัวเองไปทำข่าวที่ตัวเองอยากทำด้วย

ถาม แล้วอย่างเวลาตอนที่เราไปอยู่ในจุดลงพื้นที่คนเยอะแยะมากมาย อย่างตอนนั้นไปทำข่าวเรื่องการประท้วงที่ฮ่องกง ซึ่งมันมีความวุ่นวายและความรุนแรงด้วยเราจะทำอย่างไรให้เขารู้ว่าฉันเป็นผู้ประกาศข่าวนะ หรือ เราแฝงตัวเข้าไปเป็นประชาชนแล้วถ่ายเลย

แยม ฐปณีย์ : ไม่ค่ะ เราไปในฐานะนักข่าวเราก็ต้องทำทุกอย่างที่นักข่าวเขาทำ ซึ่งเวลาไปแบบนี้ แยม ก็ต้องประสานงานสอบถาม อย่างเช่น ทางที่สถานฑูตหรือทางหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนักข่าวที่ฮ่องกงเขาทำยังไงแล้วก็ติดต่อเพื่อนนักข่าวที่อยู่ฮ่องกงพยายามหาคนที่ติดต่อได้ และก็ให้รู้แนวปฏิบัติว่าการไปทำข่าวที่นั่นทำอย่างไร คุณต้องมีเสื้อกั๊กที่เป็นสีสะท้อนแสงแล้วก็ติดคำว่า Press เพื่อให้รู้ว่าเป็นนักข่าว พอไปถึงที่นั่นเรารู้ว่าเดี๋ยวเราต้องไปเจอการสลายการชุมนุมมีแก๊สน้ำตา เราก็จะไปหาซื้อหน้ากาก 3M หน้ากากสำหรับกันแก๊สน้ำตา ฐปณีย์ คือ ผู้มาก่อนกาลค่ะ คือ มีทุกอย่างก่อนที่จะได้ใช้ที่ประเทศไทย (หัวเราะ) เวลาที่ไปในสถานที่แบบนี้นะคะ เราไม่ได้ไปทำข่าวเพื่อให้เห็นว่าเหตุการณ์มันเกิดอะไรขึ้นเราไปสะท้อนปัญหาว่าเขาออกมา เขาทำอะไรนู่นนี่นั่นมันก็เป็นอีกแง่มุมหนึ่ง ที่เราเองมองว่าเวลาเราไปทำข่าวแบบนี้ค่ะ และเราอยากจะไปเพราะเราจะมีวิธีการในการที่จะมองข่าวแต่ละข่าวมันอาจจะแตกต่างจากคนอื่น มันถึงเป็นที่มาว่าทำไมอยากมาทำข่าวของตัวเองเพราะว่าบางเรื่องเรามีมุมมองในการสะท้อนปัญหาหรือข่าวในวิธีการของเรา มันทำให้เรามีความสุขต่อจะให้เราลำบากต้องอยู่แบบนี้ แต่เราได้ทำข่าวทุกวัน ข่าวได้ออกไปเราก็โอเค วันนี้มีความสุข เสี่ยงอันตรายแค่ไหนแต่พอได้ออกไปแล้วเนี่ยมันมีพลังค่ะ

ถาม อยู่ในอาชีพนี้มากี่ปีแล้วเอ่ย แล้วขอถามว่าทำข่าวที่เรารู้สึกว่าที่เราบ้าบิ่นมากจนเราเฉียดตาย หรือ หวิดแล้วจริงๆมีไหม

แยม ฐปณีย์ : ทำงานอาชีพนักข่าวมา 21 ปีนะคะ ตั้งแต่ปี 2543 ถามว่าเราเฉียดตายไหมถ้าเป็นความตายที่มาจากอาวุธเนี่ยค่ะ ก็เจอมาหลายครั้งเพราะว่าเราก็ไปทำงานเกี่ยวกับเรื่องสงครามนะคะ ทั้งเรื่องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เคยติดตามเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปช่วงที่เขาต้องมีปะทะกับทางกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเราก็จะไปอยู่ด้านหลังเจ้าหน้าที่ก็มีการขว้างระเบิดสวนมา ซึ่งเราก็ใส่เสื้อเกราะนะแล้วเข้าไปซึ่งตอนนั้นก็มีการยิงสวนกันไปมาก็เฉียดไปแค่ไม่กี่เมตรรวมถึงเรื่องของเหตุการณ์การชุมนุมหลายครั้งเราก็เจอ เช่น นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วเราลุกไปสักพักหนึ่งก็ระเบิดลงตรงนั้นค่ะบางทีการเฉียดกับความตายบางครั้งเหตุการณ์มันไม่ได้มาจากอาวุธ อย่างเช่น ตอนนั้นไปที่ฟิลิปปินส์นะคะ ไปทำข่าวพายุใต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ที่ว่ามีคนเสียชีวิตนับหมื่นศพ  เราก็ไปที่นั่นแล้วเราจะต้องหาทางที่จะเดินทางไปที่เมือง ตาโคลบันซึ่งเป็นอีกเกาะหนึ่งค่ะ เราก็ไปได้เรือไม้ไผ่ค่ะ ซึ่งเราก็ตัดสินใจไปโดยที่เราไม่ได้มีเสื้อชูชีพอะไรกันเลย เราหันไปหาทีมงานว่ากล้าไปไหม โอเคไหมเพราะว่าเราก็ต้องห่วงชีวิตของทุกคนก่อน ทีมงานก็บอกว่าเรามาถึงตรงนี้แล้วเราต้องไปให้ถึงที่เกาะนั้น เราไม่มีเสื้อชูชีพนะ ไม่มีอะไรป้องกันเลยนะออกทะเลไปอีก 4-5 ชั่วโมงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วทีนี้มันก็เริ่มมีฟ้ามืด เริ่มมีลมแรง แล้วเรือก็เหมือนในภาพยนตร์เลยค่ะ เรือก็เริ่มแกว่งคนที่เรือเขาบอกว่าให้นั่งนิ่งๆไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว แต่นาทีนั้นห้ามยากเหลือเกิน เราก็บอกทีมงานว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นให้ลอยตัวแล้วสุดท้ายมันก็ผ่านช่วงเวลาที่ระทึกขวัญที่สุดค่ะ  ซึ่ง แยม มองว่ามันอยู่กลางทะเลแล้วมันอยู่ในพื้นที่ที่มันพร้อมเกิดอันตรายมากที่สุดมันก็น่ากลัว มันไม่เหมือนกับบางทีเจอลูกกระสุนก็หลบอะไรได้นะ แต่อันนี้คือมันหลบไม่ได้เลยค่ะ

 

ถาม นอกจากดราม่าขู่ฆ่าก็โดน

แยม ฐปณีย์ : เคยโดนจ้างมือมือให้มายิงเราแล้ว มีการตั้งค่าหัวค่ะ เขาบอกว่าน่าจะประมาณ 3 หมื่นค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่เราเป็นนักข่าวเด็กๆเลยค่ะ เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว แต่ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เรารู้สึกว่ามันมีจริงๆ

 

ถาม คนอื่นเขาคือทำงานหลังแล้วเอาเงินไปเปิดร้านอาหาร แต่สำหรับ แยม คือ เปิดร้านอาหารเพื่อหาเงินมาทำงานหาเงินเพื่อมาทำข่าว เหมือนกับการเป็นนักข่าวอยู่ในแกนกระดูกของ แยม เลยเพราะว่า แยม ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ออกไปทำหน้าที่เป็นนักข่าว ผู้สื่อข่าวภาคสนาม เอาจริงๆเคยถามตัวเองไหมว่าเรามีเป้าหมายชีวิตเราคืออะไร

แยม ฐปณีย์ : เรามองว่าในชีวิตถ้าเราอยากจะทำอะไร เราเดินทาง เราทำข่าว นั่นคือ ความสุขของเรา เราได้ทำอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมาห่วงข้างหลังเราว่าเขาจะเป็นอย่างไร แยม ก็อยากจะตื่นมาในวันหนึ่ง เพื่อที่จะออกไปทำข่าวหรือว่ารายงานข่าวให้กับผู้คนที่เขาต้องการนำเสนอปัญหาของตัวเอง หรือ ที่เขาเดือดร้อน และเรามีพื้นที่ให้เขาได้สื่อสารออกไปเพื่อให้คนที่เกี่ยวข้อง เขาได้รับทราบปัญหา แยม มองว่า แยม ต้องการแค่เท่านี้เท่านั้น บางเราทำงานเนี่ยเราก็อาจจะแค่รายงานข่าวจบไปใช่ไหมคะ แต่ แยม มองว่าบางข่าว แยม ต้องการสร้างผลของข่าวนั้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

 

ถาม แต่ในการทำข่าวของ แยม ก็มีคู่จิ้นเหมือนกันในวงการข่าว แต่ก็มีประเด็นว่าคู่จิ้นคนนี้ของ แยม คือ คนที่เคยนอนด้วยกันมาแล้วด้วย

แยม ฐปณีย์ : ใช่ค่ะ แยม เคยนอนกับเขา (หัวเราะ) นอนติดกันเลย และเราก็เป็นคู่จิ้นในวงการเหรอค่ะ คุณอนุวัตเฟื่องทองแดง (หัวเราะ) คู่จิ้นผู้มาก่อนกาลด้วยนะ สมัยเมื่อตอนประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เวลาที่เราไปทำข่าวต่างจังหวัด บางทีเสร็จงานแล้วก็ไปเที่ยวต่อค่ะ แล้วกลับเข้าห้องไม่ได้ก็เลยไปนอนกองกันอยู่ห้องเดียวกัน 4-5 คน คือ ที่บอกว่านอนด้วยกัน คือ แค่นอนข้างกันเฉยๆ (หัวเราะ) แล้วก็ตื่นมาตกใจเพราะว่าเมา ว่า แยม มานอนข้างตอนไหนเนี่ย ทำอะไรเขาหรือเปล่า กลับกลายเป็นว่าเราไม่ได้ตกใจเขา แต่เขาตกใจเรา ก็กับ หนุ่ม อนุวัต เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันและ ก็ทำงานด้วยกันตอนอยู่ ITV เขาก็จะเป็นนักข่าวเหมือนกับเราเนี่ยแหละ ออกภาคสนาม สมัยก่อนคนก็คิดว่าจิ้นกัน 2 คนนี้เป็นคู่จิ้นเป็นแฟนกันหรือเปล่า แต่ไม่ใช่นะคะ เราสนิทกัน

 

 

ถาม เอาจริงๆนะ เราทั้งคู่เป็นคนที่เข้าใจธรรมชาติของงานหรือแม้แต่ทำงานด้วยกัน ร่วมกัน ลงพื้นที่ด้วยกัน จริงๆมันก็แมตช์อยู่นะ เคยมีประกายไหม

แยม ฐปณีย์ : ไม่มีค่ะ เพื่อนก็คือเพื่อน แต่ว่าสนิทกัน

 

ถาม เมื่อ แยม บอกว่า แยม ไม่ได้คิดอะไรกับเขา แต่ใครจะรู้ล่ะว่าจิ้นกันมายาวนานขนาดนี้เขาอาจจะคิดอะไรกับ แยมฐปณีย์ หรือเปล่า

 

(VTR) อนุวัต เฟื่องทองแดง : สวัสดี คุณแยม ฐปณีย์ เอียดศรีไชย นะครับ หลายคนอาจจะเรียก แยม ฐปณีย์ นะครับแต่ในนักข่าวจะเรียกว่า อีแยม (หัวเราะ) คุ้นเคยกันมาเพราะว่าเริ่มงานวันแรกด้วยกัน จะบอกว่า แยม เป็นผู้หญิงที่ทรงพลังใช้คำนี้เลย เพราะแข็งแกร่ง บ้างาน หายใจเข้าออกเป็นงาน ต้องคิดนู่น ต้องคิดนี่ เป็นคนที่วุ่นวาย เป็นคนที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง แต่บางคนอาจจะเห็น แยม เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง บ้างาน แต่จริงๆแล้ว แยม เป็นผู้หญิงที่อ่อนไหว เป็นผู้หญิงคิดมาก เป็นผู้หญิงนิวจิ๋ว ก็คือ เป็นผู้หญิงเจ้าน้ำตา จะเห็น แยม ร้องไห้บ่อยมาก ตั้งแต่ทำงานมาด้วยกัน คิดเล็ก คิดน้อย คิดทุกเรื่องน้อยอกน้อยใจมีหมด ในอารมณ์ของผู้หญิงคนนี้ อาจจะเก็บอาการน้อยใจเล็กๆไว้ภายใน บางทีก็มีระเบิดมา ร้องไห้บ้างอะไรบ้างก็ปลอบใจกันไป หลายคนก็ทักว่าเป็นคู่จิ้นกันไหม โถ….สาธุไหว้ล่ะสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ รักษาสุขภาพด้วย ทุกวันนี้ยังเห็น แยม ไปเสี่ยงอยู่ก็อยากให้ระวังตัวเองเยอะๆดูแลสุขภาพเยอะๆและก็ขอให้เป็นที่รักของทุกๆคนนะจ๊ะ คุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้หญิงแห่งจักรวาลนี้ที่ไม่มีใครเหมือนเธอ

 

แยม ฐปณีย์ : รักนะ เวลาทุกครั้งที่เราทำข่าวหรือว่าเกิดอะไรขึ้นในชีวิตของการทำงานกลุ่มเพื่อนก็จะคอยให้กำลังใจเสมอ

 

ถาม แต่ถึงเป็นนักข่าวสุดสตรอง แต่ในชีวิตก็เคยอกหักร้องไห้เสียใจหนักมาก

แยม ฐปณีย์ : พังเลยค่ะชีวิตคือ ตอนนั้นร้องไห้ตลอดเวลา แล้วเหมือนตัวเองเป็นนางเอกมิวสิกวิดีโอ อาจจะนั่งรถเมล์แล้วร้องไห้ไปแล้วนั่งรถเมล์เลยป้ายมันนี้คือเรื่องจริงค่ะ แล้วมันมีฉากที่เราเองรู้สึกแบบเหมือนในละครเลยค่ะ ที่เรากำลังเดินลงจากบันไดเลื่อนในห้างแห่งหนึ่งแล้วเราก็เห็นเขาเดินจูงมือกันไปกับอีกคนหนึ่ง เราเห็นก็เสียใจ เพราะตอนนั้นเขาบอกเราว่าเขามีประชุมชีวิตมันก็เหมือนกับในละครเลย บางทีเราก็ฟังคลับฟรายเดย์เรื่องของเราเนี่ยมันก็เจ็บปวดเสียใจเหมือนกัน

 

ถาม เห็นว่ามีหมอดูทำนายไว้ว่าจะได้แต่งงานด้วย

แยม ฐปณีย์ : เคยมีหมอดูทำนายไว้ว่าจะได้แต่งงานตอนอายุ 60 ปีค่ะ แต่ทำนายไว้ตอนเด็กๆนะคะ คือ พระแถวบ้านคือ ท่านดูดวงไว้ 2 อย่าง แยมว่าท่านแม่นนะคะ อันหนึ่งคือท่านบอกว่าเราจะเรียนไม่จบ แล้วสองก็คือว่าเราจะได้แต่งงานตอนอายุ 60 ปี แยม ก็คิดนะคะว่าจะเรียนไม่จบยังไง พอ แยม เรียนปริญญาตรีก็เรียนจบเนอะ แล้วก็มาเรียนต่อปริญญาโท แต่ตอนที่มาเรียนต่อโทคือ พระ แม่นแล้วเพราะว่าตอน แยม เรียนที่วาระศาสตร์แล้วตอนนั้น แยม ก็มาเป็นนักข่าวเราก็ไม่ได้ส่งวิทยานิพนธ์เราก็เลยไม่ได้เรียนจบ เราก็เลยคิดว่าน่าจะใช่แล้วที่พระท่านดูดวงไว้ ท่านดูไว้ถูกข้อหนึ่งแล้ว แล้วอีกข้อหนึ่งแต่งงานตอนอายุ 60 ปีเนี่ยมันใช่ไหม แล้วทีนี้ในใจเราก็ลุ้นมาตลอดเวลาว่าพอมันผ่านช่วง30 ปีแล้วตอนนั้นก็เพิ่งเลิกกับแฟนไปแล้วเราก็คิดว่าเราจะแต่งงานได้จริงๆเหรออายุ 60 ปี แล้วตอนนี้เราก็ 44 ปีแล้วอีก 16 ปีเราจะได้แต่งงานไหม เราก็คิดในทางนี้ว่าไม่เป็นไรตอนนี้เรายุ่งอยู่ เลยยังไม่มีสามี แต่เดี๋ยวไม่เป็นไรพระท่านว่าอายุ 60 ปี ตอนนั้นเราอาจจะเจอความรักและมีสามีก็ได้

 

ถาม เคยเห็นภาพของตัวเองในชุดเจ้าสาวไหม

แยม ฐปณีย์ : แยม ว่าเป็นเรื่องที่สวยงามนะคะและที่ผ่านมาเนี่ยเราก็มองเห็นว่าคนที่เขามีความรักไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ก็เคยเห็นคุณตา คุณยายบางทีแบบจูงมือรักกันแล้วก็มาแต่งงานกันอายุ 70-80 ก็มี ถามว่าเรามีความหวังไหมบางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่พระท่านว่าก็ได้ว่าได้แต่งงานอายุ 60 ปี รอได้ไม่เป็นไรเพราะว่าตอนนี้ยุ่งอยู่

สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป :

https://youtu.be/DdDpr0K3ikU  

https://youtu.be/BYaLMHKg8Uc  

https://youtu.be/T8RbT1Mc4XI  

https://youtu.be/_raXuTVjero  

https://youtu.be/ONv0Ks

 

ติดตามเนื้อหาดีๆ แบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_ne

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube