“อภิสิทธิ์” นำผู้สมัครสส.กทม.ไหว้ศาลหลักเมือง ย้ำไม่ร่วมพรรคทุนเทา ไม่แก้112
“อภิสิทธิ์”นำว่าที่ผู้สมัครสส.กทม.ไหว้ศาลหลักเมือง สู้ศึกเลือกตั้ง มั่นใจแคนดิเดตนายกฯ ปชป. พาประเทศพ้นความจน ย้ำไม่ร่วมพรรคทุนเทา–ไม่แก้ ม.112
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยผู้บริหารพรรค อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นางการดี เลียวไพโรจน์ และนายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร นำว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร ทั้ง 33 เขต เข้าสักการะศาลหลักเมืองในเวลา 07.30 น. เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งในวันถัดไป (27 พ.ค. 2568)
โดยในวันเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์เตรียมเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค จำนวน 3 คน ผ่านโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง ในเวลา 10.00 น. ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรณ์ จาติกวณิชและนางการดี เลียวไพโรจน์
ภายหลังพิธีสักการะศาลหลักเมือง นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ของพรรค ไม่ได้มาแบบต่างคนต่างทำ แต่มีที่มา แนวคิด และวิสัยทัศน์ทางการเมืองร่วมกัน เคยทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเข้าใจตรงกันถึงทิศทางอนาคตของประเทศ และร่วมกันกำหนดนโยบายหาเสียงมาโดยตลอด ทำให้การทำงานจะมีความกลมกลืนและเป็นเอกภาพ
ส่วนกระแสตอบรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า จากการลงพื้นที่พบปะประชาชน ได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยังเหลือเวลาอีกกว่า 40 วันให้ประชาชนได้เปรียบเทียบและตัดสินใจ ซึ่งพรรคอยากให้ประชาชนใช้เวลา ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญต่ออนาคตประเทศ
พร้อมย้ำว่า พรรคไม่ต้องการเห็นประเทศไทยติดหล่มปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองแบบเดิม และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญ ที่จะพาประเทศเดินไปข้างหน้า มีคุณภาพชีวิตที่ดี และกลับมายืนในเวทีโลกอย่างสง่างาม
สำหรับนโยบายหาเสียง นอกจากแคมเปญ “ไทยไม่ทน” พรรคเตรียมเปิดตัวแคมเปญ “ไทยหายจน” ซึ่งไม่ได้หมายถึงความจนด้านรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ครอบคลุมความจนในหลายมิติ โดยจะทยอยนำเสนอนโยบาย ที่เป็นคำตอบต่อการแก้ปัญหาความยากจนในแต่ละด้านอย่างเป็นรูปธรรม
นายอภิสิทธิ์ ยังย้ำว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คน มีเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน หากได้บริหารประเทศ อาทิ ภายใน 4 ปี เศรษฐกิจไทยต้องเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้สินครัวเรือนจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับร้อยละ 80-90 ของรายได้ ให้ลดลงเหลือประมาณร้อยละ 60 พร้อมย้ำว่าทั้งหมดต้องเกิดขึ้นบนพื้นฐานของ “บ้านเมืองสุจริต”
โดยตั้งเป้า ปรับอันดับดัชนีความโปร่งใสของประเทศไทยให้ดีขึ้น จากปัจจุบันที่อยู่ลำดับ 107 ให้กลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงช่วงที่พรรคเคยเป็นรัฐบาล
ในประเด็นการเมืองและการจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ยืนยันจุดยืนชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีลักษณะเป็น “พรรคทุนเทา” หรือมีนโยบายที่สร้างความแตกแยกในสังคม รวมถึงไม่สนับสนุนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมระบุว่า เคยพูดจุดยืนนี้อย่างชัดเจนมาตั้งแต่ต้น และไม่เข้าใจเหตุใดจึงมีความพยายามตีความหรือยัดเยียดในสิ่งที่ไม่ได้พูด
สำหรับความเป็นไปได้ในการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามกลับว่า เหตุใดต้องถามซ้ำ เนื่องจากพรรคได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแล้ว พร้อมระบุว่า ขอให้ไปถามพรรคการเมืองอื่นดีกว่า โดยย้ำว่า การเมืองควรตรงไปตรงมา ไม่ควรกลับไปสู่การเมืองแบบข้อตกลงลับหรือการสลับขั้วทางการเมือง เพราะจะทำให้ประเทศเดินอยู่ที่เดิม
นายอภิสิทธิ์ ทิ้งท้ายว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมร่วมงานกับทุกพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์สร้างบ้านเมืองสุจริต มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และมุ่งทำเศรษฐกิจให้เติบโต เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเป็นหลัก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
