“สวนดุสิตโพล” ลต.69 หนุนพรรคประชาชน “ณัฐพงษ์” นั่งนายกฯ
“สวนดุสิตโพล”ชี้ “พรรคประชาชน” คะแนนนิยมนำโด่ง หนุน“ณัฐพงษ์”นั่งนายกฯ เลือกตั้ง 8 ก.พ.69
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ. 2569” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,232 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 16-19 ธันวาคม 2568 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองใดแบบบัญชีรายชื่อ
อันดับ 1 ประชาชน 24.55%
อันดับ 2 เพื่อไทย 21.62%
อันดับ 3 ภูมิใจไทย 17.74%
อันดับ 4 ประชาธิปัตย์ 7.84%
อันดับ 5 พลังประชารัฐ 6.32%
อื่นๆ (รวมไทยสร้างชาติ, เศรษฐกิจ, กล้าธรรม, ไทยสร้างไทย, ประชาชาติ, ไทยก้าวใหม่, เสรีรวมไทย ฯลฯ) 10.91% และยังไม่ตัดสินใจ 11.02%
2. ประชาชนจะเลือก สส.เขต สังกัดพรรคใด
อันดับ 1 ประชาชน 23.48%
อันดับ 2 เพื่อไทย 21.53%
อันดับ 3 ภูมิใจไทย 16.04%
อันดับ 4 ประชาธิปัตย์ 7.12%
อันดับ 5 พลังประชารัฐ 6.81%
อื่นๆ (กล้าธรรม, รวมไทยสร้างชาติ, เศรษฐกิจ, ไทยสร้างไทย, เป็นธรรม, ประชาชาติ ฯลฯ) 11.49% และยังไม่ตัดสินใจ 13.53%
3. ประชาชนอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
อันดับ 1 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (ปชน.) 23.97%
อันดับ 2 ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พท.) 21.95%
อันดับ 3 อนุทิน ชาญวีรกูล (ภท.) 16.25%
อันดับ 4 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ปชป.) 7.30%
อันดับ 5 พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (รทสช.) 3.41%
อื่นๆ (พล.อ.ประวิตร, พล.อ.รังษี, คุณหญิงสุดารัตน์, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์, ร.อ.ธรรมนัส ฯลฯ 11.84% และยังไม่ตัดสินใจ 15.28%
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า พรรคประชาชนยังนำทั้งในระดับพรรคและตัวบุคคล ขณะที่ เพื่อไทย การยกเครื่องอาจยังไม่เห็นผลชัด แต่การรีแบรนด์ผ่านตัวบุคคลที่มาพร้อมความสดใหม่ทำให้ดึงคะแนนกลับมาได้
ด้านภูมิใจไทยแม้แนวโน้มคะแนนลดลง แต่ช่องว่างยังไม่มากและมีโอกาสพลิกเกม เมื่อฝ่ายหนึ่งมีความเชื่อมั่นเป็นฐาน อีกฝ่ายมีความสดใหม่เป็นแรงส่ง และอีกฝ่ายมีความได้เปรียบทรัพยากร การช่วงชิงจังหวะจากนี้จึงเป็นการบ้านที่ทุกพรรคเร่งทำ เพื่อส่งประชาชนให้ทันวันเลือกตั้ง
ด้าน ผศ.อัญชลี รัตนะ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า แนวโน้มการตัดสินใจของประชาชนไทยต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ถูกหล่อหลอมด้วยความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความต้องการการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง และความต้องการความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่จับต้องได้จริง
ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2568 ทั้งความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านและภัยธรรมชาติ เมื่อแยกเป็นประเด็นย่อยต่อการตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง พบว่า ประชาชนให้น้ำหนักกับอุดมการณ์ที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยและการเสนอทางออกใหม่ ๆ ให้กับประเทศ
ขณะที่การเลือก สส. แบบแบ่งเขตยังเป็นพื้นที่ของการพึ่งพาและความไว้วางใจในตัวบุคคล ผู้สมัครที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นที่พึ่งพาในยามวิกฤตหรือมีการดูแลพื้นที่อย่างต่อเนื่อง มักจะได้รับความนิยมสูงกว่ากระแสพรรคเพียงอย่างเดียว
ส่วนการเลือกผู้นำประเทศ ประชาชนยังคงมองหาบุคคลที่มีส่วนผสมของความรอบรู้เท่าทันโลกยุคดิจิทัลและมีความสามารถในการบริหารจัดการปัญหาปากท้องและหนี้ครัวเรือนอย่างเบ็ดเสร็จ

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





