Home
|
ข่าว

“บวรศักดิ์” คุย สตง.ช่วยน้ำท่วมใต้-ตกลงให้ชัดใครรับ 2 ล.

Featured Image
“บวรศักดิ์” คุย สตง. หาแนวทางช่วยน้ำท่วมใต้ เตรียมร่างข้อตกลง วอนญาติตกลงให้ชัด ใครเป็นผู้รับเงินเยียวยา 2 ล้าน ด้าน สตง.ยันไม่ต้องใช้เอกสาร เหตุราชการมีข้อมูลอยู่แล้ว

 

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เข้าหารือกับนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมบัญชีกลาง สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการผู้บริหารสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ฯลฯ เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ และแนวทางการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวร่วมกัน

 

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ สตง. รวมถึงเจ้าหน้าที่สตง.ภาค 15 ทุกจังหวัดผ่านระบบซูม เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจการจ่ายเงินเยียวยาในภาวะฉุกเฉิน เช่นน้ำท่วมอย่างฉับพลัน ซึ่งจะต้องมีกรณีพิเศษในการตรวจสอบจะต้องเป็นไปตามกฎหมายกฎระเบียบ แต่ท้ายที่สุดระเบียบของฝ่ายบริหาร กลับทำให้การตรวจสอบเกิดความล่าช้า จึงต้องมาขอความร่วมมือ

 

เช่นระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งอธิบดีกรมบัญชีกลางได้ทำหนังสือแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ขณะที่ปภ.ได้เสนอคณะรัฐมนตรียกเว้นการทำประชาคมหมู่บ้านก่อนจ่ายเงินเยียวยา ซึ่ง ครม.ก็ได้อนุมัติแล้ว ซึ่งฝ่ายบริหารได้รับมาแก้ไข ดังนั้นการประชุมหารือในวันนี้จะขอความร่วมมือผู้ตรวจ สตง.ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ยังคงปฏิบัติตามขั้นตอนแต่ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียว

 

โดยไม่ต้องไปขอเอกสารทางราชการกับประชาชน ขณะที่ประชาชนจำเป็นต้องดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ให้เรียบร้อย พร้อมระบุหมายเลขโทรศัพท์ให้ชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ตรวจเอกสารไปตามขั้นตอนให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบของ สตง. แต่ไม่ใช่เรื่องการทุจริต ซึ่งจะปล่อยไม่ได้

 

แต่ทั้งนี้หากเป็นสิ่งของบริจาคที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคก็สามารถแจกจ่ายให้ได้ตามปกติ แต่หากครุภัณฑ์จำเป็นต้องมีการลงทะเบียนเลขรับ ดังนั้นอย่ากลัวจนเกร็ง เพราะ สตง.ยืนยันแล้วว่าไม่ได้ต้องการทะเบียนพัสดุ ยกเว้นทะเบียนครุภัณฑ์ของทางราชการเท่านั้น  พร้อมกันนี้ขอให้สร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่หน้างาน และยืนยันว่ารัฐบาลจะโอนเงินให้เร็วที่สุด

 

ขณะที่เงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 2 ล้านบาทนั้น จำเป็นต้องมีการรับรองจากแพทย์ ถึงสาเหตุการเสียชีวิต ขณะที่ท้องถิ่นก็ออกใบมรณะบัตร และเตรียมเลขพร้อมเพย์ให้พร้อม แต่ที่สำคัญคือทายาท จะต้องได้รับเงินโดยตรง

 

โดยอยากให้ทายาทนำแบบใบปภ. 14  ไปตกลงให้เกิดความชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้รับเงิน ไม่ว่าจะเป็นบุตรหรือคู่สมรส ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้า เพราะจำเป็นต้องใช้ใบ ปภ.14  ทั้งนี้หากติดขัดก็สามารถโทรขอคำปรึกษากับ สตง.จังหวัดได้

 

นายบวรศักดิ์ เปิดเผยว่า ในอนาคตจะมีการขอความร่วมมือมายัง สตง และ คตง.จะมีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งไม่ใช่ข้อตกลงที่จะทำผิดกฎหมาย เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถมายุ่งเกี่ยวกับองค์กรอิสระได้

 

โดยรัฐบาลจะขอความร่วมมือวางไว้เป็นแนวทางเพราะน้ำท่วมไม่ได้เกิดครั้งเดียว และต้องใช้หลักการเดียวกัน จากนี้รัฐบาลจะให้สำนักงานกฤษฎีกา ร่วมกับ ปภ. กรมบัญชีกลาง ยกร่างกรอบความร่วมมือที่ไม่ผูกมัดเสนอมายัง สตง. เพื่อจัดทำเป็นข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน

 

นายบวรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับข้อกฎหมายในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยให้เป็นกรอบหลักการเดียวกันทั่วประเทศ โดยจะมีการหารือกับสำนักงานกฤษฎีกา กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร ที่ชัดเจนถึงระเบียบหรือข้อยกเว้นการผ่อนปรนในการตรวจสอบ สตง. เวลาเกิดเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ ทั่วประเทศให้เป็นหลักการเดียวกัน แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลแต่ระเบียบดังกล่าวยังมีผลบังคับใช้ เป็นกรอบหลักเกณฑ์เดียวกันในการเบิกงบประมาณโดยไม่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด

 

ด้านนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า ในการตรวจสอบการจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้นั้น ยืนยันว่า สตง.ไม่ได้ยึดเอกสารหลักฐานที่เป็นกระดาษ เช่น ปัจจุบันเรามีมติครม. 2 ต.ค. 2561 ว่า เอกสารที่ทางราชการออกให้กับประชาชน และมีอยู่ในฐานระบบอยู่แล้ว หน่วยราชการจึงไม่จำเป็นต้องขอสำเนาเอกสารรับรองจากประชาชนอีก และหลังจากนั้นกรมส่งเสริมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็ได้ออกหนังสือแจ้งเตือน อีกครั้งในปี 2563 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่ง และท้องถิ่นทุกแห่ง

 

ว่าเอกสารที่ทางราชการออกให้กับประชาชน ราชการไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาหรือขอสำเนาจากประชาชนเพราะเอกสารทั้งหมด อยู่ในระบบของทางราชการอยู่แล้ว ดังนั้นทางสตง.ก็เห็นชอบว่าจะมีการตรวจ ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ส่วนว่าถ้าไม่มีบ้านเลขที่ต่างๆ นั้น สามารถใช้เป็นเอกสารอื่นๆที่สามารถแสดงตัวตนได้

 

เช่น ใบชำระค่าน้ำ ค่าไฟ การชำระภาษี เป็นต้น โดยเน้นย้ำให้สตง.ทุกจังหวัดถือแนวปฏิบัติเดียวกัน แค่มีเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เราก็ตรวจได้ และย้ำกับทุกคนว่ากฎหมายสตง.ฉบับใหม่ มาตรา 95 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญระบุว่า กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐบกพร่องไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบแต่ไม่มีการทุจริต สตง .ก็ให้คำแนะนำเท่านั้น ไม่มีการตั้งกรรมการสอบวินัย ไม่ดำเนินการทางละเมิดหากจ่ายจริง

 

ดังนั้นไม่ต้องกลัว ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันนี้กฎระเบียบอาจจะไม่ทันกับสถานการณ์ แต่หากไม่ทุจริตก็ไม่ต้องกังวลใจ สตง.จะแค่ตักเตือนว่าต่อไปควรทำอย่างไร ขณะเดียวกัน นายบวรศักดิ์ก็จะไปดำเนินการต่อในเรื่องของกฎหมายโดยเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขในส่วนนั้น

 

นายมณเฑียร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีมีรายงานข่าวว่าที่สงขลามีการจัดซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อกว่า 100 ล้านบาทซึ่งสูงกว่าราคาต้นทุนจริงที่อยู่ราว 30 ล้านบาทว่า เรื่องนี้ตนรับไปตรวจสอบในวันนี้ อย่างไรก็ตามหากเทียบกับช่วงโควิด บางพื้นที่เมื่อเกิดภัยฉุกเฉินการซื้อของต่าง ๆ ราคาอาจจะไปเทียบกับตลาดออนไลน์คงไม่ได้ ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะ ของบางสิ่งบางอย่างขณะนั้นมีความขาดแคลน แต่ถ้ามีการจัดซื้อแพงจนผิดปกติ จริงๆ ก็ต้องตรวจสอบว่ามีการทุจริตหรือไม่ ซึ่งตนจะสั่งการให้ไปตรวจสอบภายในวันนี้

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube