จุดบอดโครงสร้าง มหาอุทกภัยลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา 2568 หาดใหญ่จมบาดาล
อุทกภัยหาดใหญ่ 2568 รุนแรงกว่าปี 2553 เพราะฝนสะสมสูงสุดในรอบหลายสิบปี น้ำลงมาเร็ว ระบายออกช้า จนเมืองรับไม่ไหว
ช่วงวันที่ 19–21 พฤศจิกายน สูงถึง 630 มิลลิเมตรในเวลาเพียงสามวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณสูงสุดในปี 2553 ที่ 428 มิลลิเมตรอย่างชัดเจน ปรากฏการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่อง หรือ “ฝนตกแช่”
(Stagnant Rainfall) ทำให้ไม่มีช่วงเวลาที่ระบบน้ำสามารถฟื้นตัวได้ ระดับความอิ่มตัวของดินแตะจุดสูงสุด อย่างรวดเร็ว ดินไม่สามารถซับน้ำเพิ่มเติมได้อีก ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนแทบทั้งหมดไหลลงสู่ผิวดินและลงสู่คลองอู่ตะเภาโดยตรง
ด้านโครงสร้างภูมิประเทศเองก็เป็นปัจจัยเร่งให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นอย่างมาก ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภามีต้นน้ำ อยู่บริเวณเทือกเขาน้ำค้างและสันกาลาคีรี ซึ่งมีความลาดชันสูง เมื่อฝนตกอย่างต่อเนื่อง น้ำจากภูเขาจึงไหลลงสู่พื้น ที่ราบของอำเภอหาดใหญ่อย่างรวดเร็วโดยไม่มีพื้นที่หน่วงน้ำตามธรรมชาติ
ขณะเดียวกัน พื้นที่ตอนกลาง และตอนล่างของลุ่มน้ำ ซึ่งเป็นย่านเมือง มีการก่อสร้างหนาแน่น บริเวณที่เคยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำหรือพื้นที่รับน้ำ ถูกแทนที่ด้วยสิ่งปลูกสร้าง ถนน และโครงข่ายคอนกรีตที่ซึมน้ำได้ต่ำ ทำให้ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาล ไหลเข้าสู่เมืองพร้อมกัน
ผลลัพธ์คือสภาวะที่ผู้เชี่ยวชาญนิยามว่า “น้ำลงมาเร็ว แต่ระบายออกช้า”น้ำจากภูเขาถูกเร่งให้ลงสู่เมืองอย่างแรง ในขณะที่ระบบระบายออกไปยังปลายน้ำใกล้ทะเลสาบสงขลามีขีดความสามารถจำกัด เมื่อถูกปริมาณน้ำหลาก เข้าสู่ระบบลำน้ำหลายชั้นต่อเนื่องโดยไม่มีช่วงเว้นวรรค ทำให้เกิดการหนุนกลับและล้นตลิ่ง
รวมถึงไหลเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 100 ชุมชน บางพื้นที่ระดับน้ำสูงถึง 3 เมตร การขนส่งถูกตัดขาด โครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากเสียหายและไม่สามารถใช้งานได้
คลองอู่ตะเภาเป็นคลองหลักของหาดใหญ่ รับน้ำจากหลายคลองสาขา เช่น คลองสะเดา / คลองตง / คลองประตู / คลองหล้าปัง ช่วงต้นน้ำเป็นภูเขา น้ำจึงไหลแรงและเข้าสู่ตัวเมืองอย่างรวดเร็ว
ใจความสำคัญเชิงโครงสร้าง
1) ภูมิประเทศตอนบนเป็นภูเขา น้ำลงมาเร็ว ต้นน้ำอยู่บนเทือกเขาน้ำค้างและสันกาลาคีรี มีความลาดเอียงสูง เมื่อฝนตกหนัก น้ำจากภูเขาไหลลงพื้นที่ราบในเวลาอันสั้น
2) พื้นที่ตอนกลาง ล่างเป็นเขตเมืองหนาแน่น ซึมน้ำน้อย ระบายยาก เมืองหาดใหญ่มีสิ่งปลูกสร้างและคอนกรีต จำนวนมาก พื้นที่ซึมน้ำตามธรรมชาติลดลง ทำให้ฝนทุกหยดไหลลงสู่ระบบคลองทันที กลายเป็นภาวะ “น้ำลงมาเร็ว แต่น้ำระบายออกช้า”
3) ระบบระบายน้ำมีข้อจำกัดคลองอู่ตะเภามีความสามารถรับน้ำตามธรรมชาติจำกัด เมื่อปริมาณน้ำทะลักเข้ามาต่อเนื่องหลายวัน ระบบล้นแบบทับซ้อน (layering overflow)
4) ฝนตกต่อเนื่องหลายวันแบบไม่หยุด น้ำสะสมไม่ทันลด ดินอิ่มน้ำเต็ม 100% น้ำใหม่จึงไหลผิวดินทั้งหมด จนน้ำขึ้นเร็วผิดปกติ
มหาอุทกภัยครั้งนี้จึงไม่ใช่น้ำท่วมตามฤดูกาล แต่เป็นภาพสะท้อนของสภาพอากาศสุดขั้วและโครงสร้างเมือง ที่ยังไม่พร้อมรับฝนระดับประวัติการณ์แบบที่เกิดขึ้นในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





