ผู้เสียหายแห่ร้องกองปราบ “ไฮโซสาว” ชักดาบกว่า 30 ล้าน
ผู้เสียหายกว่า 40 คน ร้องกองปราบฯ ถูกบริษัทเอกชนเบี้ยวค่าจ้างคอนเสิร์ตเปิดขบวนการหลอกจ้างกว่า 30 ล้าน! สอบเส้นทางเงินต่างประเทศ
วันนี้ ( 12 พ.ย.68 ) ที่ บริเวณด้านหน้าแดนเนรมิตเก่า จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ และ อ.มานพ สีเหลือง ทีมงาน พาผู้เสียหาย ผู้ประกอบการและบริษัทคู่สัญญากว่า 10 แห่ง ซึ่งเป็นทีมงานผู้ผลิต แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เคยร่วมจัดงานคอนเสิร์ตระดับโลก
รวมตัวกันเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายกับ ไฮโซสาวชื่อย่อ ”ม.“ เจ้าของบริษัทเอกชน แห่งหนึ่ง ที่เปิดเมื่อปี 65 เพื่อดำเนินกิจการด้านความบันเทิง โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการให้บริการจัดงานอีเวนต์ต่างๆ เช่น คอนเสิร์ต และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด

จ่าคิงส์ กล่าวว่า บริษัทคู่สัญญาเหล่านี้ได้รับการว่าจ้างให้ร่วมจัดงานคอนเสิร์ต ซึ่งสิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 แต่จนถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลานานเกือบ 1 ปี ทางบริษัทฯ ดังกล่าวยังคง ไม่มีการชำระเงินค่าจ้างที่ค้างจ่ายให้กับทีมงานและบริษัทคู่สัญญาร่วมกว่า 10 แห่ง มีผู้เสียหายรวม 40 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
แต่อย่างใดก่อนหน้านี้ทีมงานและผู้ประกอบการได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ประชาชื่น ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว แต่คดีความยังไม่มีความคืบหน้า ด้วยเหตุนี้จึงต้องการมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจกองปราบปราม เพื่อให้มีการดำเนินการทางกฎหมายและเกิดความคืบหน้าในการติดตามทวงถามหนี้สินต่อไป
ที่เรามาที่กองปราบในวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การฟ้องร้องทางแพ่งจากการผิดสัญญาเท่านั้น แต่เราต้องการให้มีการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ว่า บริษัทฯ ดังกล่าว มีเจตนาทุจริตตั้งแต่เริ่มต้นว่าจ้างงานในปี 2567 หรือไม่ เพราะเป็นการหลอกลวงผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากให้ทำงานทั้งที่ทราบดีว่าไม่มีความสามารถหรือไม่มีเจตนาที่จะจ่ายเงิน” จ่าคิงส์กล่าว

ด้าน อาจารย์มานพ สีเหลือง เชี่ยวชาญด้านบัญชี เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบงบการเงินของบริษัทเอกชนแห่งนี้ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้เสียหายสามารถจะนำไปประกอบการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ในการดำเนินคดี
มีประเด็นน่าสงสัยต่างๆ -ฐานะการเงินวิกฤต จากการวิเคราะห์งบฐานะการเงินที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าบริษัทฯ มีหนี้สินรวมสูงกว่าสินทรัพย์รวมอย่างมีนัยสำคัญ และมี ผลขาดทุนสะสม ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ชัดเจนว่าบริษัทไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ณ ช่วงเวลาที่รับงานและก่อให้เกิดความเสียหาย
-ค่าใช้จ่ายสูงผิดปกติ เมื่อพิจารณางบกำไรขาดทุน พบว่ารายการ ค่าใช้จ่ายในการบริหารและดำเนินงานมีสัดส่วนสูงเกินปกติ เมื่อเทียบกับรายได้รวม ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเงินทุนที่เข้ามาในบริษัทอาจถูก ถ่ายโอน หรือ โยกย้าย ออกไปในรูปแบบของค่าใช้จ่ายที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจตามปกติ
บริษัทฯ ได้รับเงินกู้จำนวนหลายร้อยล้านบาทจากบริษัทที่จดทะเบียนใน หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (BVI) ซึ่งเป็นเขตที่มุ่งเน้นการปกปิดข้อมูล รายการเงินกู้ขนาดใหญ่นี้ถือเป็นรายการที่ ผิดปกติวิสัย สำหรับบริษัทที่มีฐานะการเงินอ่อนแอเช่นนี้ อีกทั้งบริษัทที่ปล่อยกู้เองก็มีพฤติการณ์ทางการเงินที่ผิดปกติ คือ ขาดทุนต่อเนื่องเช่นกัน และยังมีความเชื่อมโยงทางโครงสร้างกับผู้ก่อตั้ง/กรรมการของบริษัทผู้ว่าจ้าง
ตนขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนถึงแหล่งที่มาและวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเงินกู้ก้อนนี้ เนื่องจากโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทที่ขาดทุนทั้งคู่ และการใช้เงินทุนจากเขตปลอดภาษี บ่งชี้ว่านี่อาจไม่ใช่การดำเนินการทางธุรกิจโดยปกติทั่วไป
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนหวังว่าการเข้าพึ่งกองปราบปรามในครั้งนี้ จะนำไปสู่การตรวจสอบเชิงลึกและการดำเนินการทางกฎหมายที่รวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อให้ได้รับค่าจ้างที่ค้างจ่าย มานานเกือบปี และดำเนินคดีกับผู้ที่มีเจตนาทุจริตในการว่าจ้างต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews





