Home
|
ข่าว

ภารกิจล่าทองซีเกมส์2025 ทัพโต๊ะเล็กช้างศึก

Featured Image
ภารกิจสำคัญ “ฟุตซอลทีมชาติไทย” ล่าทองซีเกมส์ย้ำความเป็นเจ้าแห่งโต๊ะเล็กอาเซียน

 

หากพูดถึงหนึ่งในชนิดกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง “ฟุตซอล” คือคำตอบที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ จากสนามเล็ก ๆ ในโรงเรียนและหอประชุมทั่วประเทศ สู่เวทีระดับนานาชาติที่ทีมชาติไทยสามารถก้าวขึ้นมายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับทีมชั้นนำของโลก

 

ปัจจุบันทีมฟุตซอลชายทีมชาติไทย รั้งอันดับ 11 ของโลก และเป็นทีมอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาอย่างยาวนาน

 

ชื่อของ “โต๊ะเล็กไทย” จึงไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของความสำเร็จในเกมกีฬา แต่ยังเป็นภาพแทนของ “ความมุ่งมั่น ความสามัคคี และหัวใจนักสู้” ที่คนไทยทั้งประเทศภาคภูมิใจ

 

สำหรับการแข่งขัน ซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ การคว้าเหรียญทองของฟุตซอลไทยจึงไม่ใช่เพียง “เป้าหมาย” แต่คือ “ภารกิจ” ที่ต้องสำเร็จให้ได้ เพื่อยืนยันความยิ่งใหญ่และมาตรฐานของวงการฟุตซอลไทยในระดับภูมิภาค

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 ฟุตซอลถูกบรรจุเป็นกีฬาชิงเหรียญทองในมหกรรมซีเกมส์เป็นครั้งแรก และเจ้าภาพในครั้งนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น  ประเทศไทย ณ จังหวัดนครราชสีมา

 

ผลการแข่งขันครั้งนั้นจบลงอย่างสวยงาม เมื่อทีมโต๊ะเล็กไทยคว้าทั้ง เหรียญทองชายและหญิง เปิดฉากยุคทองแห่งฟุตซอลซีเกมส์อย่างสมบูรณ์แบบ

 

หลังจากนั้น ฟุตซอลไทยก็เดินหน้ากวาดเหรียญทองอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันสามารถคว้า รวม 10 เหรียญทองจาก 5 ครั้งที่จัดแข่งขัน ได้แก่  2007 ที่ นครราชสีมา ,2011  ที่ จาการ์ตา อินโดนีเซีย ,2013  ที่ เนปิดอว์ เมียนมา , 2017 ที่ กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เเละ  2021 ที่ ฮานอย เวียดนาม

 

ไม่เพียงเท่านั้น ฟุตซอลไทยยังเป็น “ทีมแชมป์ไร้พ่าย” ตลอดประวัติศาสตร์การแข่งขันในซีเกมส์  ไม่มีทีมใดสามารถโค่นบัลลังก์ของพวกเขาได้เลยตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา

 

นี่คือความยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากการวางระบบ การพัฒนา และความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นักกีฬาทุกคน” ที่เล่นเพื่อชาติและศักดิ์ศรี

 

หลังจากห่างหายจากโปรแกรมการแข่งขันไปหนึ่งสมัย ฟุตซอลจะกลับมาชิงชัยอีกครั้งในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 “ไทยแลนด์ 2025” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568 โดยมีการแข่งขันกระจายตาม 3 พื้นที่หลักคือ กรุงเทพฯ, ชลบุรี และสงขลา

 

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทีมชาติไทยจะต้อง “ป้องกันแชมป์” เท่านั้น แต่ยังเป็นการทำหน้าที่ เจ้าภาพ ที่ต้องแสดงให้โลกเห็นถึงความพร้อมและศักยภาพของวงการฟุตซอลไทยทั้งระบบ

 

 

บิ๊กป๋อม อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกฝ่ายพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาด สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย  เปิดเผยถึงความท้าทายใหม่ของทีมชาติไทยในปีนี้ว่า

“การแข่งขันใน 5 ครั้งที่ผ่านมา คู่แข่งของเรายังไม่มากนัก โดยเฉพาะประเภทหญิงที่มักเจอกับเวียดนามเป็นหลัก แต่ตอนนี้หลายชาติพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเมียนมา ส่วนประเภทชายมี 3 ทีมที่สู้กับเราได้สูสีคือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่เพิ่งคว้าแชมป์อาเซียนไปไม่นาน แสดงให้เห็นว่าทุกทีมกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว”

 

บิ๊กป๋อม ยังยืนยันว่า สมาคมฯ ได้วางแผนเตรียมทีมไว้อย่างเข้มข้น ทั้งการเก็บตัว อุ่นเครื่อง และการร่วมแข่งขันในรายการนานาชาติเพื่อยกระดับมาตรฐานทีมให้พร้อมที่สุด

 

หนึ่งในจุดเด่นของทีมชาติไทยชุดนี้คือ การผสมผสานระหว่างพลังของนักเตะรุ่นใหม่กับประสบการณ์ของรุ่นพี่ระดับโลก

 

ข่าวดีที่ทำให้แฟนบอลยิ้มได้คือ การกลับมาของดาวยิงหมายเลข 10 ขวัญใจชาวไทย “มูฮัมหมัด อุสมานมูซา” ที่ค้าแข้งอยู่กับ “คอร์โดบา” สโมสรในลีกสูงสุดของสเปน เขาถูกเรียกตัวกลับมาช่วยทีมชาติไทยในฐานะ “กัปตันทีม” และ “หัวใจในเกมรุก”

 

 

อุสมานมูซาเผยถึงความรู้สึกส่วนตัวว่า “ทุกครั้งที่ได้กลับมาเล่นให้ทีมชาติไทย มันคือความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ผมอยากช่วยทีมคว้าเหรียญทองอีกครั้งต่อหน้าแฟนบอลไทย และอยากให้ทุกคนเห็นว่า ฟุตซอลไทยยังคงแข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้ใครในอาเซียน”

 

แม้ไทยจะยังคงเป็นเต็งหนึ่งในทุกครั้งที่ลงแข่ง แต่ “อาเซียนยุคใหม่” ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หลายชาติเริ่มลงทุนอย่างจริงจัง ทั้งด้านลีกอาชีพ การพัฒนาเยาวชน และการนำโค้ชต่างชาติเข้ามาเสริมทัพ

ดังนั้น ซีเกมส์ครั้งนี้จึงถือเป็น “บททดสอบสำคัญ” ที่จะพิสูจน์ว่า ทีมชาติไทยยังคงเป็นเจ้าแห่งโต๊ะเล็กอาเซียนอย่างแท้จริง

 

การแข่งขันฟุตซอลซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคมนี้ เชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาไทยให้ประสบความสำเร็จ คว้าเหรียญทองกลับมาฝากคนไทยทั้งชาติอีกครั้ง

 

เพราะทุกชัยชนะของพวกเขา คือ “ชัยชนะของคนไทยทุกคน”

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube